"สหายแสง" สำแดงฤทธิ์-พท.ท้ารบ ศึกริมโขง "นายใหญ่ VS พ่อใหญ่"
วิวาทะข้ามจังหวัด-ข้ามพรรค ลามเป็นศึก "ริมฝั่งโขง" ระหว่าง “ค่ายนายใหญ่ดูไบ” กับ “ค่ายพ่อใหญ่ปราสาทหิน” กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ต่างฝ่ายต่างจัดเต็มคาราเบลแน่นอน!
“สงสาร ส.ส.สกลนคร ผมสงสาร ส.ส. จังหวัดอุดรธานี อภิปรายในสภาฯ ทีไร เรื่องงบประมาณก็ด่ารัฐมนตรีคมนาคม ว่าทำไมต้องเอางบประมาณไปพัฒนาที่บุรีรัมย์มากมาย ทำไมต้องไปพัฒนาที่ศรีสะเกษมากมาย และสุดท้ายมาลงที่นครพนม นครพนมก็มี ส.ส.ไม่กี่คน ทำไมได้งบประมาณมาเยอะเหลือเกิน
ผมเป็นประธานบนบัลลังก์ ผมอยากจะบอกมันว่า ก็นครพนมมี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยอยู่ที่นี่ไง “ไอ้โง่” มันโง่จริงหรือมันแกล้งโง่ สกลนครอยากได้งบพัฒนาเยอะๆ xึงเลือกฝ่ายรัฐบาลสิ เลือกพรรคภูมิใจไทยทั้ง 6 เขต 7 เขต รับรองสกลนครเจริญทัดเทียมนครพนม อย่างแน่นอนครับ”
ประโยคสำคัญในคลิปปราศรัยของ “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว กลางเวทีเปิดตัว “4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม” เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถูกแชร์ว่อนโลกโซเชียลอยู่ ณ เวลานี้
“ส.ส.สกลนคร” ที่สหายแสงพูดถึง แน่นอนหมายถึง “พัฒนา สัพโส” ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย
ไล่ย้อนกลับไปในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2566 ชั้นรับหลักการ(วาระแรก) เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2565
วันนั้น “พัฒนา” อภิปรายงบกระทรวงคมนาคม เจาะลึกกรมทางหลวงชนบท ได้งบ 47,160 ล้านบาท ที่พบว่ามีการจัดงบแบบกระจุกอยู่แค่ 4-5 จังหวัด โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์
“พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแลนด์สไลด์เพื่อไทย แต่มาวันนี้ถูกแย่งซีนโดยกระทรวงคมนาคม เป็นแลนด์สไลด์งบประมาณไปอีสานใต้ ไม่มีรัฐบาลใดกล้าทำมาก่อน” พัฒนา กล่าวในวันนั้น
ขณะเดียวกัน ศึกรอบนั้น ยังเกิดวิวาทะข้ามจังหวัด หลัง “พัฒนา” อภิปรายไปที่ จ.นครพนม ที่พบบริษัทเอกชนขุดที่ดิน สปก.ไปทำถนนกรมทางหลวง อ้างชื่อนักการเมือง โยงไปถึง “ศุภชัย” ในฐานะ ส.ส.เจ้าถิ่น
ขณะที่ “ครูแก้ว” คู่กรณีโต้กลับอย่างทันควัน “ถ้ามีหลักฐานให้ไปแจ้งความดำเนินคดี จะไม่ปกป้องใคร อย่ามาพูดลอยๆ กล่าวหาตีกินกลางสภาฯ เทวดาก็ต้องติดคุก ไม่ใช่แค่เฉพาะนักการเมือง”
วิวาทะดังกล่าว ไม่เพียงแต่ลามเป็นประเด็นดราม่า จนมีการขุดวาทกรรม “เลือกที่รักมักที่ชัง” แต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนข้ามจังหวัด ลามไปถึงศึกระหว่าง “2 ค่ายการเมือง” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า สนามภาคอีสานรอบนี้ เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “ค่ายนายใหญ่ดูไบ” กับ “ค่ายพ่อใหญ่ปราสาทหิน”
จ.สกลนคร รอบที่แล้ว ค่ายเพื่อไทยปักธงยกจังหวัด โดยก่อนหน้าเพื่อไทย ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครไป 6 เขต จากทั้งหมด 7 เขต โดยเฉพาะ “พัฒนา” ที่รอบนี้จะลงรักษาแชมป์ในเขต 3 พร้อมดันลูกสาว “แจม” จิรัชยา สัพโส ลงชิงส.ส.สมัยแรกในเขต 7
โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขนทีมเพื่อไทยลงพื้นที่ที่จ.สกลนคร เพื่อพบปะครอบครัวเพื่อไทย ที่สำนักงานของพัฒนาแล้วครั้งหนึ่ง
ขณะที่ “ภูมิใจไทย” ก่อนหน้านี้ อาทิตย์ แสนมะฮุง อดีต ส.อบจ.เขต 4 อ.เมือง เปิดตัวลงชิง เขต 1 กัญญาภัค ศิลปะรายะ อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล อดีตผู้สมัคร นายก อบจ.สกลนคร ชิงเขต 2 ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอภูมิใจไทยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนี้
ในส่วนของ จ.นครพนม รอบที่แล้ว “สหายแสง” เป็นตัวแทนหมู่บ้านปักธง 1 เขต จากทั้งหมด 4 เขต ส่วนที่เหลือเป็นของเพื่อไทยประกอบด้วย เขต 2 มนพร เจริญศรี เขต 3 ไพจิต ศรีวรขาน และเขต 4 ชวลิต วิชยสุทธิ์
“ศึกริมโขง” รอบนี้พรรค “เพื่อไทย” เปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัครส.ส.” ไปเพียง 2 เขต คือ เขต 1 ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ และเขต 2 มนพร ส่วน “ภูมิใจไทย” ชิงจังหวะเลือดไหลของเพื่อไทย หลัง “ชวลิต” ตัดสินใจไม่ไปต่อกับค่ายนายใหญ่ โดยย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย
ขณะที่เขตของ “ไพจิต” ก่อนหน้าเกิดกระแสข่าวการเบียดพื้นที่ รวมถึงความหวาดระแวงภายในพรรค จนมีข่าวว่า “ไพจิต” อาจเป็นอีกคนที่ไม่ไปต่อกับค่ายนายใหญ่ ตอกย้ำด้วยภาพเคียงคู่ อนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นำค่ายสีน้ำเงิน ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธดีลดูดย้ายพรรคในภายหลัง
โดยภูมิใจไทยวาง 4 ผู้สมัคร ประกอบด้วย เขต 1 พูนสุข โพธิ์สุ ภรรยาสหายแสง ที่จะมาลงแทนผู้เป็นสามี ขณะที่ “ศุภชัย” ประกาศเปิดศึกค่ายนายใหญ่ดูไบ โดยขยับมาลงเขต 2 ชนกับ มนพร
ส่วนเขต 3 ภท.ส่ง นพ.อลงกต มณีกาศ และเขต 4 ชูกัน กุลวงษา อดีตคนเพื่อไทยและเป็นคนสนิทไพจิตลงชิงในเขตดังกล่าว
ศึกรอบนี้ “สหายแสง” ที่กำลังอหังการ์ หลังปั้นลูกสาว “ศุภพานี โพธิ์สุ” เป็นนายก อบจ.นครพนม สำเร็จ ประกาศเทหมดหน้าตักหวังปักธงยกจังหวัด โดยมีรางวัลคือการคัมแบ็คขึ้นแท่นรัฐมนตรี ตามที่ “บิ๊ก ภท.” รับปากไว้
ขณะที่ “ค่ายนายใหญ่ดูไบ” รอบนี้ยังมี "ดร.เดือน มนพร" เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ แม้ช่วงที่ผ่านมา จะเผชิญสภาวะเลือดไหลอย่างต่อเนื่อง แต่บรรดา “บิ๊กสีแดง” และพลพรรคยังเชื่อว่า ด้วยปรากฎกระแสแลนด์สไลด์ภาคอีสานในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นตัวส่งให้ผู้สมัครพรรคใส่สูทเข้าสภาในฐานะ ส.ส.ได้ไม่ยาก
ฉะนั้น นอกเหนือจากวิวาทะของ 2 ค่ายที่ปรากฎในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาแล้ว กลเกมการเมืองที่เกิดขึ้น ยังเป็นการสะท้อนภาพเกมวัดพลังสาดกระแส-ยิงกระสุนแบบไม่ยั้ง
เชื่อได้เลยว่า“ศึกริมโขง”รอบนี้ กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ต่างฝ่ายต่างจัดเต็มคาราเบลอย่างแน่นอน!