"รวมแผ่นดิน"แจงพรรคโลกลืม ยัน "บิ๊กน้อย" ไม่ยุ่งธุรกิจสีเทา แยกทาง ศท. แล้ว
รวมแผ่นดิน แจงพรรคโลกลืม โฆษก เผย”บิ๊กน้อย”ต้องการสามัคคี ทำการเมืองเชิงบวก ไม่หิวแสง - ชอบแขวะ ลั่นไม่ข้องแวะเรื่องผิดกม. ยุ่งกับธุรกิจสีเทา แยกทาง ศท. มาแล้ว
วันที่ 8 ธค. 2565 นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล (โจ้) โฆษกพรรครวมแผ่นดิน ยกถึงเหตุผล กรณีพรรครวมแผ่นดิน ไม่มีท่าทีและแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ ในช่วงนี้ โดยได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ดร.คมสัน พันธุ์วิชาติกุล (โจ้)" ระบุว่า
ขออนุญาตมาชี้แจงประเด็นส่วนตัว เนื่องมีหลายท่านถามผมเยอะว่า ในฐานะที่ผมเป็นโฆษกพรรค ทำไมไม่เห็นออกมาพูด หรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ บ้าง จริงๆ ท่านที่เคยติดตามผม จะทราบดีว่าผมมักแสดงความคิดเห็นทางการเมืองบ่อย แถมเคยมีกระทบชิ่งถึงท่าน พล.อ.ประวิตร บ้าง ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ บ้าง รวมผู้ใหญ่บ้านเมืองอีกหลายท่าน
พอผมมาอยู่กับท่าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ อาน้อย สมัยมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. ด้วยบุคลิกการทำงานของอาน้อย ท่านจะย้ำกับผมเสมอว่า ไม่ชอบความขัดแย้ง ทำงานร่วมกับทุกฝ่าย แม้จะอยู่คนละข้างก็ตามถ้าเรื่องนั้นๆ เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ประชาชน พอท่านลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ผมก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรค ด้วยนิสัยอาน้อยท่านมีอุดมการณ์สูง ในความรักชาติความถูกต้อง ฯลฯ ไม่ข้องแวะเรื่องผิดกฏหมาย ยุ่งกับสีเทา ท่านก็ลาออกจากหัวหน้าพรรค ศท. จนล่าสุดมาเป็นหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ส่วนผมก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรค
ประเด็นหลักที่อยากสื่ออยู่ตรงนี้คือ ตั้งแต่ผมมาอยู่กับอาน้อย ผมจะไม่แสดงความเห็นทางการเมืองใดๆ ในเชิงลบ สร้างวาทกรรมขัดแย้ง รวมไปถึงการดิสเครดิตพรรคใดๆ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเลย
อาน้อยเน้นย้ำว่าเราเดินหน้าของเราไปแบบนี้ ไม่ต้องไปวิจารณ์ใคร ไม่ต้องไปแซะ แขวะ หรือหิวแสง พรรคไม่จำเป็นต้องอยู่ในกระแสข่าว แต่จะทำอย่างไรให้พรรคไปอยู่ในใจประชาชน เดี๋ยวนี้พี่น้องประชาชนมีวิจารณญาณ มองออกว่าอะไรเป็นอะไรมากขึ้น เช่น นโยบายของแต่ละพรรคที่ออกมา อันไหนทำได้ทำไม่ได้ อันไหนดีไม่ดี ประชาชน จะเป็นผู้พิจารณาเอง ไม่ต้องไปชี้นำ เล่นสงครามน้ำลาย หรือหาแสงกัน บลัฟกันไปบลัฟกันมา เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดของคนๆ นั้นเอง
เลยทำให้ผมกลับมาทบทวนแนวทางบทบาทต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย คือเราต้องก้าวข้ามการเมืองเดิมๆ ที่สาดโคลนกันไปมา ไปกระแหนะกระแหนคนนั้นคนนี้ ฯลฯ เราต้องแสดงจุดยืนให้ประชาชนเห็นว่าเราขอก้าวข้ามออกมาจากความขัดแย้ง ออกจากวังวนการเมืองเดิมๆ ที่ทำให้ประเทศชาติย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหนสักที
ดังนั้นผมเลยขอออกมาขี้แจงต่อคำถามมากมายว่าทำไมในฐานะโฆษก เรื่องไม่ค่อยแสดงบทบาท หรือแสดงความเห็น แต่ถ้าทุกท่านลองไปติดตามช่องทางต่างๆ ส่วนใหญ่จะลงแต่ภารกิจ กิจกรรม หรือสิ่งดีๆ เพราะพรรคอยากเป็นจุดเริ่มต้นในการจุดประกายเล็กๆ หรือเป็นแสงเทียนเล่มเล็กที่จุดเทียนเล่มต่อๆ ไป ให้ส่องสว่างไปทั่วทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะคนที่อยากเห็นพรรคการเมืองที่คิดถึงประเทศชาติ ประชาชน ด้วยจิตสำนึกอยากตอบแทนคุณแผ่นดิน ต่อบ้านเกิดเมืองนอนด้วยความปรองดอง สร้างสรรค์
"พรรครวมแผ่นดิน จะขอเป็นพรรคหนึ่งในนั้นครับ"