“ก้าวไกล” รีแบรนด์ ”พรรคซ้ายกลาง” หลังฉาก “ปิยบุตร” รบ “ธนาธร”

“ก้าวไกล” รีแบรนด์ ”พรรคซ้ายกลาง” หลังฉาก “ปิยบุตร” รบ “ธนาธร”

การเปิดฉากรบของ “ปิยบุตร” กับ “ธนาธร-พิธา-ก้าวไกล” ถึงแม้ในทางการเมืองจะฮึ่ม ๆ ใส่กัน แต่อย่างน้อยในทางอุดมการณ์ โดยเฉพาะเรื่อง “ปักธงทางความคิด” เกี่ยวกับ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ยังคงทำคู่ขนานกันต่อไป เพียงแต่ทางใครทางมันเท่านั้นเอง

หลายพรรคการเมืองกำลัง “ฝุ่นตลบ” กับศึกยื้อแย่ง “นักเลือกตั้ง” ช่วงโค้งสุดท้ายปลายรัฐบาล “ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่บางพรรคกำลังเผชิญสถานการณ์ “ความขัดแย้ง” อีกระลอก โดยเฉพาะ “ค่ายสีส้ม” ที่เกิดประเด็นวิวาทะระหว่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ผู้นำทางความคิด และอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการคณะก้าวหน้า กับ “พรรคก้าวไกล

ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ว่ากันว่า “มีกลิ่น” โชยมาได้สักพักแล้วถึง รอยแตกร้าวระหว่าง “ปิยบุตร” นักวิชาการสายฮาร์ดคอร์ กับแกนนำ “ค่ายสีส้ม” ในประเด็นเกี่ยวกับการ “ปฏิรูปสถาบันฯ

เรื่องนี้ถูกเฉลยภายหลัง กับโพสต์ทิ้งบอมบ์ของ “ปิยบุตร” ที่ว่า การร่วมงานสุดท้ายกับ “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” คือการร่วมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ปลดล็อกท้องถิ่น

“การรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น เป็นงานสุดท้ายที่ผมยังสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลอยู่บ้าง ได้จบลงแล้ว” ปิยบุตร ระบุ

สาเหตุหลักที่ถูกบอกตามหน้าสื่อคือ “ปิยบุตร” ในฐานะที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ตัดสิทธิทางการเมือง” เนื่องจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ไร้ตำแหน่งแห่งที่ในการบริหารจัดการภายใน “พรรคก้าวไกล” ซึ่งเจ้าตัวเป็นหนึ่งในผู้ก่อร่างสร้างขึ้นมา ผลักดันประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันฯ

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีตัวเชื่อมสำคัญเป็น “ศิษย์เอก” อย่าง “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล อดีตแกนนำม็อบนักศึกษาธรรมศาสตร์ แต่ปัจจุบันเมื่อปีกกล้าขาแข็งเล่นการเมืองมาได้เกือบ 4 ปี “โรม” เริ่มเส้นทาง "นักการเมือง" เต็มตัว เพื่อหวังมีที่ทางในพรรค แม้ว่าในใจยังคงยก “ปิยบุตร” เป็น “อาจารย์” ก็ตาม

ประเด็นที่ “หักกัน” ระหว่าง “ปิยบุตร” กับ “ก้าวไกล” ว่ากันว่า เกิดจากการเร่งรัดให้เกิดการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะภายหลังเจ้าตัวโดนคดี ม.112

ทว่า “ก้าวไกล” เริ่มปรับตัวเข้ากับการเมืองระบบรัฐสภาได้มากขึ้น เล็งเห็นแล้วว่า การแก้ไข ม.112 มิได้ง่าย เพราะต้องฝ่าหลายด่าน และหวั่นโดนข้อหา “ยุบพรรค” ซ้ำรอย “อนาคตใหม่”

ที่สำคัญ “ก้าวไกล” ยังคงไว้เนื้อเชื่อใจ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ แน่นอนว่าสไตล์การเมืองของ “ทิม พิธา” ไม่ถูกจริตกับ “ปิยบุตร” มากนัก เพราะเน้นพูดถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจ และโครงสร้างทางสังคมเป็นหลัก แทบไม่มีที่ทางให้กับการ “ปฏิรูปสถาบันฯ”

ว่ากันว่าใน “ห้องบอส” ของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นที่นั่งของ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรค สหายสนิท “ธนาธร” หนึ่งใน “กลุ่มเพื่อนเอก” และ “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” รองหัวหน้าพรรค รวมถึง “พิธา” เห็นพ้องต้องกันว่า ต้องปรับปรุงการเดินหมากการเมืองเสียใหม่ เปลี่ยนแผนเน้นการต่อสู้แบบ “ปักธงทางความคิด” ไปก่อน อาศัยเครือข่ายของ “คณะก้าวหน้า” ที่มี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำทางจิตวิญญาณสีส้ม เป็นคนเดินเกมหลัก

เห็นได้จาก “เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ถูกลดบทบาทลงไป รวมถึง ส.ส.หลายคนในเครือข่าย “ปิยบุตร” ที่คอยช่วยเหลือ “นักโทษการเมือง-ม.112” ต่างไม่ค่อยมีบทบาทเช่นเดียวกัน เช่น เบญจา แสงจันทร์ เป็นต้น ยังคงเหลือแต่ “รังสิมันต์ โรม” ที่มีชื่อ “ติดลมบน” ไปแล้ว สามารถ “คุย” ได้ทุกขั้วทุกฝ่ายภายในพรรค

พร้อม ๆ กับการกลับมาของ “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ปลีกตัวหายไปพักหนึ่ง ปัจจุบันเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง เพราะ “ช่อ” เป็นตัวเชื่อมระหว่าง “คณะก้าวหน้า-ก้าวไกล” ได้ ที่สำคัญได้รับความเชื่อใจจากแกนนำม็อบบางส่วน

“ก้าวไกล” ในขวบปีที่ 4 (นับช่วงเป็นพรรคอนาคตใหม่ด้วย) เริ่มเข้ารูปเข้ารอย เล่นการเมือง “เป็น” มากขึ้น การชิงไหวชิงพริบ จังหวะจะโคนทางการเมืองเริ่มเข้าที่ คงไม่อยากให้พรรคตัวเองถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมมากไปกว่านี้

เพราะรู้ถึงข้อเท็จจริงแล้วว่า หากอยากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมถึงราก จำเป็นต้อง “จับเข่าคุย” กับทุกขั้วทุกฝ่ายทุกพรรค ให้เห็นพ้องต้องกัน ไม่สามารถ “ลุยเดี่ยว” ได้

โดยเฉพาะการแก้ไข ม.112 ที่ “ก้าวไกล” ยุคนี้ ไม่โฉ่งฉ่าง-สุดโต่งเหมือนสมัยพรรคอนาคตใหม่ เพราะรู้แล้วว่า ไม่สามารถทำได้ง่าย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมากตามที่ “พิธา” เคยชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้

ว่ากันตามตรง “ปิยบุตร” มีสไตล์คล้ายคลึงกับ “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” นักวิชาการประวัติศาสตร์ชื่อดัง ศาสดาทางความคิดของ “ฝ่ายก้าวหน้า” ที่เน้น “ยอมหักไม่ยอมงอ” ในทางอุดมการณ์ จึงทำให้ “เล่นการเมือง” ได้ค่อนข้างยาก

“ก้าวไกล” ยุคใหม่ มีการปรับโฉม-รีแบรนด์จาก “ซ้ายสุดโต่ง” เป็น “พรรคซ้ายกลาง” เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะศัตรูตัวฉกาจของ “ก้าวไกล” มิใช่พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่คือ “พรรคเพื่อไทย” ที่มีฐานเสียงใกล้เคียงกัน

การแตกหักรอยร้าวดังกล่าว จึงนำไปสู่การจัดทัพของ “ก้าวไกล” โดยเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ยังไม่ลงตัว ต้องหาตำแหน่งแห่งที่ใหม่กันยกกระบิ

ดังนั้นการเปิดฉากรบของ “ปิยบุตร” กับ “ธนาธร-พิธา-ก้าวไกล” ถึงแม้ในทางการเมืองจะฮึ่ม ๆ ใส่กัน แต่อย่างน้อยในทางอุดมการณ์ โดยเฉพาะเรื่อง “ปักธงทางความคิด” เกี่ยวกับ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ยังคงทำคู่ขนานกันต่อไป

เพียงแต่ทางใครทางมันเท่านั้นเอง