ปรากฏการณ์ “31 ส.ส.” ลาออก มาตรวัดบารมี “เนวิน-อนุทิน”
ปัจจัยที่ "31ส.ส." ลาออกจากสภาฯ และส่วนใหญ่ จะย้ายเข้าสังกัด "พรรคภูมิใจไทย" เห็นได้ชัดว่า นี่คือ การวางแผนของ "ผู้ใหญ่ในภูมิใจไทย" ที่ต้องการแสดงบารมี ข่มขวัญ ผู้คุมเสียงฝั่งรัฐบาล
ปรากฏการณ์ “ส.ส.” แห่ลาออก ย้ายขั้ว ย้ายพรรคไปซบ “พรรคภูมิใจไทย” ถือเป็นการประกาศบารมีที่ชัดเจนของ “เนวิน ชิดชอบ” ในสมรภูมิการเมือง แบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม
บรรดานักการเมืองเหล่านี้ พร้อมเดินตามทางที่ “เนวิน” เคยประกาศไว้ในเดือนตุลาคมว่า จะดัน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เป็น “นายกรัฐมนตรี”
คำประกาศของ “เนวิน” ในวันนั้น ถือว่ามีความแจ่มชัด เพราะวันนี้มี ส.ส.หลายพรรคที่พาเหรด ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง และสมาชิกพรรคเดิม เพื่อไปเป็น “เด็กภูมิใจไทย” แบบไม่เกรงใจ “บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สวุรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้คุมเกมรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อีกต่อไป
ทั้งที่ 2 ป. เคยกำชับให้ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล คุมลูกพรรคเข้าประชุม เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเล่นงานจากเกมล่มประชุมของพรรคฝ่ายค้าน ที่มีผลสะเทือนภาพลักษณ์ของรัฐบาล
เนื่องจากขณะนี้ มีร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาล รอให้ผ่านการพิจารณา รวมทั้ง ร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชง ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ ยังอยู่ในวาระพิจารณา และต้องการมือโหวตเพื่อ "ดันให้ผ่าน” หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ถูกเกมการเมืองในสภาฯ เล่นงาน จนทำให้กฎหมายกัญชาฯ ถูกยื้อจนค้างเติ่งมานานหลายเดือน
ดังนั้น ปรากฎการณ์ที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ไม่สนใจงานสภาฯ และบีบให้ “ส.ส.”ลาออก เพื่อวัดความภักดี คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงนัยทางการเมือง ที่ “เนวิน-อนุทิน” ต้องการแสดงพลัง ข่มขวัญคู่แข่ง โดยเฉพาะ “ฝั่งผู้คุมเสียงรัฐบาล”
ทว่า การตั้งเงื่อนไขของ “พรรคภูมิใจไทย” ให้สมาชิกใหม่ที่จะย้ายเข้ามา ต้องลาออกจากสมาชิกพรรคเดิม และพ่วงด้วยคุณสมบัติของ "ส.ส.” ทำให้เสียงของ “ขั้วรัฐบาล” ถูกลดจำนวนลงไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้การควบคุมความได้เปรียบในสภาฯ วนกลับมาอยู่ในภาวะกระท่อนกระแท่น เหมือนปีแรกๆ ของ “สภาฯ” ที่เริ่มต้นทำงาน และอยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำ ที่วันดีคืนดีอาจทำให้ “ล่มไม่เป็นท่าได้”
ปรากฎการณ์ 14 ธันวาคม 2565 มี ส.ส.ยื่นใบลาออกรวม 31 คน จากจำนวน 37 คน ตามข่าวว่าจะย้ายไป “ภูมิใจไทย”
หากพิจารณาตัวเลข ของ ส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ล่าสุด 442 คน แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 190 คน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล 252 คน แม้ตัวเลขที่ห่างกันจะยืนระยะ 60 คน แต่ช่วงที่ “ส.ส.” ต้องห่วงพื้นที่ และส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีต้องปฏิบัติราชการในกระทรวง-ตรวจราชการ ทำให้ระยะห่างที่ว่ามากนั้น อาจพ่ายแพ้ได้ เมื่อ “ฝ่ายค้าน” เล่นเกมล่มประชุม เพื่อสกัดร่างกฎหมายของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี มี “นักการเมือง” ที่มีช่ือเป็น 1 ใน 31 คนที่ย้ายไปภูมิใจไทย บอกถึงเหตุผลที่ต้องรีบลาออกจาก ส.ส.เพื่อย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ เพราะเป็นไปตามเงื่อนไขที่ “ครูใหญ่เนวิน” กำหนดไว้ว่า วันที่ 16 ธันวาคมนี้ พรรคภูมิใจไทยจะมีงานเปิดตัวอาคารที่ทำการใหม่ และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หากใครไม่ไปแสดงตัว อาจตกขบวนได้
พร้อมวิเคราะห์ให้ฟังว่า ในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า “ผู้สมัคร ส.ส.” ถือว่ามีศักดิ์และศรีเสมอกันทุกพรรค นโยบาย และชื่อของพรรค เป็นแค่ตัวชูโรง แต่สิ่งที่จะวัดผลแพ้-ชนะได้ อยู่ที่การออกอาวุธ หากอยู่ในสังกัดพรรคที่มีปัจจัย มีทุน หรือ “อาวุธหนัก” ย่อมมีเปอร์เซ็นต์ ที่จะชนะสูงกว่า
ด้วยภาวะที่ "3 ป.” ยังเอาแน่เอานอน ในทิศทางทางการเมืองไม่ได้ ทำให้ต้องเร่งเครื่อง “รีบลาออก” อย่างน้อยหากได้รับการวางตัว เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะได้แสดงสังกัดใหม่ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้รับรู้ ถือว่าเปิดเกมรุกก่อนพรรคอื่น ที่บางพื้นที่ยังขัดแย้งและหาตัวผู้สมัครไม่ได้
ก่อนที่สมรภูมิเลือกตั้งจะเปิดฉาก และรู้ว่าใครได้เปรียบหรือไม่ นาทีนี้ “เนวิน-อนุทิน” ก็ประกาศบารมีข่ม 3 ป. และนักการเมืองใหญ่รายอื่นได้เรียบร้อยแล้ว.