“สมคิด”ฝันไกล ไปไม่ถึง “สอท.”แพแตก แยกทาง
ความฝันอันยิ่งใหญ่ของ “ดร.สมคิด” คือการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่จะไปถึงความจริงได้หรือไม่ บทพิสูจน์อยู่ที่ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่ปลุกปั้นมากับมือ จะเดินต่อไปได้ไกลสักแค่ไหน
แม้ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย จะออกมาคอนเฟิร์มว่าพรรคยังเดินหน้าดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง ไม่ได้แพแตกอย่างที่เป็นกระแสข่าวตามหน้าสื่อ
ทว่า ข่าวทางลับ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค ย่อมรู้ดีว่าสถานการณ์ของ "สร้างอนาคตไทย" ยากที่จะเดินต่อ แม้จะมี “ทุนการเมือง” พอไปได้ก็ตาม แต่สำคัญคือ กำลังรบในพื้นที่เลือกตั้งแทบไม่มีอยู่ในมือ เมื่อผู้สมัคร ส.ส. เกรดเอ - เกรดบี ที่เคยเปิดดีลเอาไว้ ไม่มาทำตามนัด ที่เหลืออยู่ก็แค่ผู้สมัคร ส.ส.เกรดซีลงไป ซึ่งไม่สามารถการันตีคะแนนให้พรรคได้
หากยังดึงดันขับเคลื่อนพรรคนี้ไปต่อ โอกาส “เจ๊ง” มีสูง โอกาส “เจี๊ยะ” แทบไม่มี ดังนั้นโมเดลการควบรวมพรรคจึงเกิดขึ้น
ความเคลื่อนไหวที่ “สมคิด” เปิดดีลกับ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เพื่อหาที่ยืนทางการเมือง ก็ยังไม่มีความหวังว่า จะไปสู่เป้าหมายได้จริง
เนื่องจากทั้ง “สุดารัตน์-สุวัจน์” แม้พรรคไทยสร้างไทย และชาติพัฒนากล้า จะไม่ปังเท่าที่คาดหวังเอาไว้ แต่อย่างน้อย ก็ยังพอการันตีเก้าอี้ ส.ส. ได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะ ส.ส. เขต โดย “สุดารัตน์” พอมีฐานในพื้นที่ กทม. ที่สามารถวัดกำลังกับพรรคใหญ่ได้
เช่นเดียวกับ “สุวัจน์” ที่ยังพอมีพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งหากดีลหัวคะแนนเก่าให้กลับมาได้ โอกาสคว้าเก้าอี้ ส.ส.มาได้ ก็พอมีอยู่บ้าง
สวนทางกับ “สมคิด-สอท.” ที่สูญเสียขุมกำลังหลักไปให้พรรคการเมืองคู่แข่ง โดยเฉพาะ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่มูฟไปพรรคพลังประชารัฐ แม้ชื่อ “นิพิฏฐ์” จะไม่ดึงดูดคน จ.พัทลุง เหมือนเก่า แต่ฐานคะแนนส่วนตัวยังพอมีอยู่ อย่างน้อยก็ยังเพิ่มแต้มปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคได้
นอกจากนี้ “นิพิฏฐ์” ยังขนพลพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ ที่ช่วงแรกจะส่งลงสมัครในนามพรรคสร้างอนาคตไทย แต่เมื่อลูกพี่ต้องย้ายพรรค บรรดาเด็กสาย “นิพิฏฐ์” จึงย้ายตามมาที่พลังประชารัฐด้วย ซึ่งใน พปชร.เองก็เหมือนสภาพทุกข์ลาภ เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้ที่วางตัวผู้สมัครไปบ้างแล้ว อาจจะต้องเกลี่ยโควตากันใหม่พอสมควร
เช่นเดียวกับ “สุพล ฟองงาม” รองหัวหน้าพรรค สอท. ประธานภาคอีสาน ลงทุนลาออกจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ พปชร. มาลงแรงกับพรรคนี้ ตั้งแต่ช่วงตั้งไข่ หวังจะคุมพื้นที่ภาคอีสาน โกย ส.ส. เข้าพรรค เพื่อต่อยอดจับจองเก้าอี้รัฐมนตรี แต่กระแสสร้างอนาคตไทยที่ปั่นอย่างไรก็ไม่ติดลิสต์พรรคตัวเต็ง
ทำให้ “สุพล” คิดหนัก จนมีข่าวออกมาว่า จะขอย้าย ไปซบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อีกราย เพราะมีข้อเสนอให้พ่วง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ ไปสร้างอาณาจักรของตัวเองได้
เมื่อบรรดาขุนพลที่อยู่ร่วมด้วยช่วยกัน ตั้งแต่ก่อร่างสร้างพรรคทยอยโบกมือลา “สมคิด” ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอยู่นอกวงโคจรทางการเมือง จึงต้องหาโอกาสใหม่ จึงไม่แปลกที่มีกระแสข่าวดีลควบรวมพรรคอื่น เพื่อไปต่อให้ได้ ออกมาเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม การเปิดดีล เจรจากับหลายพรรคของ “สมคิด” สูตรการควบรวม มักจะมีชื่อของ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ถูกเสนออยู่ในบัญชีแกนนำหัวแถวทุกครั้งที่เปิดดีลกับทุกพรรค ตรงกันข้ามกับชื่อของ “สนธิรัตน์” ที่แทบไม่อยู่ในสมการทางการเมืองของ “สมคิด”
ดังนั้น “สนธิรัตน์” จึงยังคงปักหลัก และแสดงจุดยืนในการขับเคลื่อนพรรคสร้างอนาคตไทยไปต่อ แตกต่างจาก “อุตตม” ที่จรยุทธ์ทางการเมืองไปพร้อมกับอาจารย์สมคิด และใช้วิธีเก็บตัวเงียบ ระหว่างการเปิดดีลทางลับกับเครือข่ายการเมืองอื่นๆ
ว่ากันว่าใน “ทีม 4 กุมาร” ซึ่งเหลือเพียง 2 กุมารทางการเมืองเวลานี้ คนที่ สมคิด เป็นห่วงมากที่สุดคือ “อุตตม” ฉะนั้นในทุกดีลการจึงปรากฏชื่อศิษย์รัก ต้องมีตำแหน่งสำคัญในการควบรวม
นอกจากนี้ ยังมีแรงสนับสนุนจากมือขวาของ “สมคิด” ที่ไม่ขอเดินร่วมทางกับ “สนธิรัตน์” คอยจัดแจงแสวงหาที่ทางในการควบรวมพรรคให้ด้วย จึงทำให้ “สนธิรัตน์” กลายเป็นโดดเดี่ยวทางการเมืองในเวลานี้ิ
นับจากนี้ น่าจับตาความเคลื่อนไหวของ “ดร.สมคิด” ว่าความพยายามจะกลับเข้าสู่วงโคจรทางการเมือง ด้วยการมีพรรคเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะใช้วิธีใด หรือต่อยอดควบรวมพรรคใดๆ จะสำเร็จหรือไม่
ความฝันอันยิ่งใหญ่ของ “ดร.สมคิด” คือการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่จะไปถึงความจริงได้หรือไม่ บทพิสูจน์อยู่ที่ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่ปลุกปั้นมากับมือ จะเดินต่อไปได้ไกลสักแค่ไหน