ผ่าแผนสยายปีก "ภูมิใจไทย"100+

ผ่าแผนสยายปีก "ภูมิใจไทย"100+

อีเวนท์ใหญ่ภูมิใจไทย เปิดตัว "30อดีตส.ส. " เป็นสมาชิก ไม่ใช่แค่โชว์ “พลังภูมิใจดูด”  แต่เป็นการวางเกมหลายชั้น หวังผลไปถึงเร่งยุบสภา

การลาออกของ“ส.ส.บิ๊กล็อต” 31 ราย ในจังหวะนี้ นอกจากจะกระทบต่อการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรที่ “เสียงปริ่มน้ำ” สำหรับขั้วรัฐบาลแล้ว ยังเป็นจุดอ่อนทางการเมือง ที่ทำให้สองขั้วใช้สภาเล่นเกมดิสเครดิต วัดพลังกันได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ ภาพการล่มสภา อาจจะหนักข้อขึ้น จนอาจส่งผลต่ออายุสภา 

 วันนี้ (16 ธ.ค.) การโชว์อีเวนท์ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ในการเปิดตัวอดีต ส.ส.ราวๆ 30 คน ที่ลาออกครั้งนี้ เข้าไปเป็นสมาชิก แม้จะเป็นการโชว์ “พลังภูมิใจดูด” ของค่ายสีน้ำเงิน ที่กำลังเพิ่มเทอร์โบเร่งเต็มสูบ ในห้วงที่การเมืองเริ่มนับถอยหลังสู่โหมดเลือกตั้ง 

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการวางกลเกมการเมืองเอาไว้หลายชั้น โดยมีเป้าหมายเร่งเกม กดดันไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อการตัดสินใจยุบสภา

 ลงลึกไปในรายชื่อ 31 ส.ส.ที่ยื่นลาออก มีเพียง “หนานแมว” เดชทวี ศรีวิชัย ส.ส.ลำปาง พรรคเสรีรวมไทย เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ลาออกมาในจังหวะเดียวกัน แต่ไม่ได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพราะด้วยกระแสในภาคเหนือ อาจทำให้หาเสียงลำบาก 

ขณะที่อีก 30 คนที่ยื่นลาออก ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะกลุ่มนี้เป็น ส.ส.ในขั้วรัฐบาล และฝ่ายค้าน ที่ปรากฎชื่อ และแสดงท่าทีชัดเจนในช่วงที่ผ่านมาว่า เตรียมเก็บกระเป๋าเข้า “สำนักครูใหญ่เมืองปราสาทหิน” เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้น

อ่านเกม “ภูมิใจไทย” ที่วางหมากให้ ส.ส.ลาออก ก่อนเปิดตัวย้ายพรรคช่วงนี้ เพราะ “ผู้มากบารมี” รู้ดีถึงจังหวะที่ตนกำลังได้เปรียบโดยเฉพาะในเรื่องความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง ที่ “บิ๊กภท.” เชื่อว่าด้วยกระสุนที่มีอยู่ในมือ จุดนี้เองที่อาจเป็นตัวหนุนให้พรรคได้เปรียบมากกว่าพรรรอื่น

ผ่าแผนสยายปีก \"ภูมิใจไทย\"100+

 

ทว่า ด้วยกฎกติกา ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า การเลือกตั้งรอบนี้จะใช้สูตร “บัตร 2 ใบ”หนึ่งใบเลือกคน-อีกใบเลือกพรรค รวมถึงใช้สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร100 

ต่างจากรอบ ที่แล้วที่ใช้ “บัตรใบเดียว” เหมาเข่งทั้งคนทั้งพรรค ซึ่งเป็นสูตรที่ภูมิใจไทยค่อนข้างได้เปรียบกว่า สิ่งที่จะตามมาคือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของค่ายสีน้ำเงินที่อาจหายตามไปด้วย

 ฉะนั้น เป้าหมายสำคัญของค่ายสีน้ำเงินในรอบนี้ จึงอยู่ที่ ส.ส.เขต ซึ่งนอกเหนือจาก “กระสุน” ที่มีอยู่ยามนี้แล้ว ภูมิใจไทย จำต้องพึ่งพิง “กระแส” เป็นตัวหนุนนำ ให้ผงาดเป็นพรรคเกิน 100 เปิดทางสู่การเปิดดีล “ชิงเกม”จัดตั้งรัฐบาล ในฐานะพรรคแกนนำ 

ทว่า เมื่อส่อง “ไส้ใน” พลังภูมิใจดูด ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เป็นสเปค “คละเกรด” เกินครึ่งถูกจัดอยู่ใน “เกรดซี”  หรือ “เกรดดี” 

โดยเฉพาะก๊วน “งูเห่าสีส้ม” ซึ่งรอบที่แล้ว เข้าสภาด้วยกระแสนิยม “พ่อของฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และการเมืองขั้วประชาธิปไตยเฉดส้ม

ไม่ต่างจาก "ก๊วนส.ส.กทม." ที่เก็บกระเป๋าออกจากบ้านพลังประชารัฐ ซึ่งรอบที่แล้วเข้าสภาฯด้วยกระแส "เลือกความสงบจบที่ลุ่งตู่"

หรือแม้แต่ในส่วนของ “ก๊วนพรรคเล็ก” ซึ่งรอบที่แล้ว ได้รับอานิสงส์จากระบบเลือกตั้งจนถูกปัดเศษเข้าสภา 

“ผู้มากบารมี” เอง ก็ดูเหมือนจะรู้ถึงปัญหาตรงนี้เป็นอย่างดี ฝั่ง “พี่ใหญ่” ก็พูดในลักษณะปลอบใจว่า “เมื่อชวนเขามาแล้ว ก็ต้องดูแลเขาไปก่อน” ต่างจากฝั่ง “ผู้เป็นน้อง”  ที่มองในแง่ทฤษฎีการตลาด(การเมือง) ในเรื่องความคุ้มค่าว่า หากรู้อยู่แล้วว่า ส่งลงเลือกตั้งแล้วโอกาสชนะมีน้อย หรือแทบไม่มี ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ 

ผ่าแผนสยายปีก \"ภูมิใจไทย\"100+

ฉะนั้น การที่ความฝันของ “ค่ายภูมิใจไทย” และ “นายใหญ่” ในการสยายปีกเป็นพรรคเกิน 100 เพื่อเป็นแกนนำในการจับขัวตั้งรัฐบาล จะบรรลุผลได้ 

นอกจากการยิงกระสุนอย่าง “ดุดันไม่เกรงใจใคร” แล้ว  ภูมิใจไทยจำต้องวางเกมแบบรัดกุม โฟกัสไปที่จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เป็นพื้นที่เกรดเอ โดยเฉพาะบรรดา “ซุ้มบ้านใหญ่” ที่มีการโชว์พลังดูดจากเหนือจรดใต้ ซึ่งมีกระแสบุคคล กระแสซุ้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ไล่ลงลึกรายภาค ทั้ง “ภาคอีสาน”  แบ่งเป็นอีสานใต้ ขุมกำลังภูมิใจไทยอยู่ที่ บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ นครราชศรีมาและอุบลราชธานี ไล่ขึ้นไปที่ชัยภูมิ 

ขณะที่อีสานเหนือ โดยเฉพาะนครพนม ซึ่งภูมิใจไทยมี “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุ เป็นแกนนำ รอบนี้ประกาศท้าชนค่าย "นายใหญ่ดูไบ" เพื่อกวาด ส.ส.ให้ได้ยกจังหวัด

ผ่าแผนสยายปีก \"ภูมิใจไทย\"100+

“ภาคเหนือ” จุดยุทธศาสตร์ของภูมิใจไทยอยู่ที่ จ.เชียงราย เหนือสุดแดนสยาม ซึ่งภูมิใจไทยดูด "รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์"  บ้านใหญ่เชียงราย มาได้เรียบร้อยแล้ว ว่ากันว่าก่อนหน้านี้บิ๊ก ภท. พยายามเปิดดีล “สามารถ แก้วมีชัย” อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชักชวนร่วมชายคาเพื่อมาเสริมทัพอีกคน 

 ขณะที่ “สามารถ” ไม่ปฏิเสธ และมีเงื่อนไขขอลง ส.ส.เขต 1 ซึ่งเคยเป็นเขตเดิมของตัวเอง แต่ติดปัญหาความไม่ลงตัว ตรงที่ "เอกภพ เพียรพิเศษ"  ซึ่งย้ายมาจากก้าวไกล และเป็นส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ยืนยันที่จะลงชิงในนามภูมิใจไทย เช่นเดียวกัน

ขณะที่บิ๊กพรรคบางคน ให้เหตุผลว่า “ต้องให้เกียรติคนเก่าลงก่อน”  ทำให้ดีลระหว่างสามารถ และบิ๊กสีน้ำเงิน ต้องเบรกไว้ชั่วคราวเพื่อรอการจัดสรรที่ลงตัว 

ภาคกลาง จุดยุทธศาสตร์ของภูมิใจไทยอยู่ที่ อุทัยธานี พิจิตร พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ยกจังหวัด และและ พิษณุโลก ในเขตของนิยม ช่างพินิจ และกาญจนบุรี 

ขณะที่ ภาคใต้ ก่อนหน้า “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศแลนด์สไลด์ฝั่งอันดามัน และปักเสาเข็มภาคใต้ตอนบน วางเป้าไว้ที่ 20 ที่นั่งจากทั้งหมด 58 ที่นั่ง

ผ่าแผนสยายปีก \"ภูมิใจไทย\"100+

นับนิ้วดูคร่าวๆ แล้ว ถึงเวลาจริง ภูมิใจไทยอาจต้องเตรียมเสียง เผื่อเหลือเผื่อขาดอีกพอสมควร ฉะนั้นนอกเหนือจาก 30 ชีวิตที่ปรากฎเป็นข่าว ต้องติดตามว่า หลังจากนี้จะมี “นักเลือกตั้ง” ค่ายไหน เก็บกระเป๋าเข้าบ้านหลังใหม่เพิ่มเติมอีกหรือไม่ 

การเปิดตัว “ส.ส.บิ๊กล็อต” 30 คนที่ย้ายเข้าค่ายครูใหญ่ ไม่เพียงเป็นการโชว์พลังภูมิใจดูด เพื่อบอกกล่าวถึงความพร้อมในการสู้สึกเลือกตั้ง แต่เพียงเท่านั้น หากแต่เป็นเสมือนการส่งสาส์นท้ารบไปยังบรรดาพรรคการเมือง ทั้งขั้วรัฐบาล และฝ่ายค้าน พร้อมเปิดหน้าชนแบบเต็มรูปแบบ

ภายใต้สูตร "พรรค 100+" เพื่อสานฝันนายใหญ่ปราสาทหิน ในการชิงเกมเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปั้น“เสี่ยหนู”เป็นนายกฯ 

ยิ่งในห้วงที่ 2ป.ยังไม่มีความชัดเจนทางการเมือง “บิ๊กภูมิใจไทย”ดูเหมือนจะแอบ “กระหยิ่มยิ้มย่อง”อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว