ป.ป.ช.ถก 4 คดีจีทูจี สำนวนขายมัน “ไตรรงค์-พรทิวา” ส่อรอด - ลุ้นคดีข้าวภาค 2
ป.ป.ช.ถก 4 คดีจีทูจี สำนวนระบายมันสำปะหลัง “ไตรรงค์-พรทิวา” ส่อรอด เหตุอนุมัติตามขั้นตอน การทุจริตเกิดในชั้น “บิ๊ก ขรก.พาณิชย์-คนใกล้ชิด รมต.” ลุ้นคดีข้าวภาค 2 ด้วย
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นำสำนวนการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการซื้อขายรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวม 4 สำนวน แบ่งเป็น กรณีกล่าวหาการซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี 3 สำนวน คือ 1.กรณีกล่าวหานางพรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก 2.กรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก 3.กรณีกล่าวหานายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับพวก
และกรณีกล่าวหาคดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตสอง ที่มีการกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก เช่น นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่เลื่อนการพิจารณาและลงมติในสำนวนของนายไตรรงค์ และนางพรทิวา จากการประชุมครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 14-15 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น เพราะมีเอกสารหลักฐานประกอบสำนวนหลายชุด ไม่มีการแนบไว้ในสำนวน ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้เจ้าของสำนวนคือ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. กลับไปแก้ไข และส่งหลักฐานเอกสารมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการถกเถียงกันว่า การพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวของเจ้าของสำนวน อาจไม่สอดรับกับข้อเท็จจริงในประเด็นอำนาจหน้าที่ของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะหากตีความแบบนี้ อาจจะบิดเบือนมติ ครม.ที่เคยออกไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับสำนวนกล่าวหานายไตรรงค์ ครม.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติเมื่อปี 2552 วาระการรับจำนำมันสำปะหลัง ฤดูกาลผลิต 2551/2552 จำนวน 5 ล้านตัน ขยายเวลาโครงการในเดือน ธ.ค. 2552 และปิดโครงการปี 2554 โดยเพิ่มจำนวนอีก 5 ล้านตัน แปรสภาพจากมันสำปะหลังเป็นมันเส้น และแป้งมัน
อย่างไรก็ดี ครม.ของนายอภิสิทธิ์ มีการตั้งคณะขึ้นมาดูแล 3 ชุดคือ 1.คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังฯ มีนายไตรรงค์ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ 2 รองนายกฯ เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการด้านการตลาดมันสำปะหลังฯ มีนางพรทิวา รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน 3.คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การระบายมันสำปะหลังฯ มีนายมนัส สร้อยพลอย รักษาราชการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน โดยทั้ง 3 คณะดังกล่าวมีหน้าที่ดำเนินการกลั่นกรองและขออนุมัติตามลำดับชั้น โดยการดำเนินการทั้งหมด ครม.จะพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ของ ครม.
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. คดีระบายมันสำปะหลัง ยุค ครม.ของนายอภิสิทธิ์มีจำนวน 8 ครั้ง โดย 7 ครั้งแรกประกาศเชิญชวนทั่วไปเพื่อการส่งออก แต่ครั้งที่ 8 มีการยกเลิก และให้ขายแบบจีทูจีแทน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เคยพบความผิดปกติว่า มีความพยายามจะขายแบบจีทูจี 2 ครั้ง คือ 1.ขายให้ Guangxi Mingyang Science & Technology แต่ไม่มีการแจ้งในสำนวนการไต่สวนครั้งนี้ 2.ขายให้ Guangdong Guanxin Trade Development Co, Ltd. แต่มีการยกเลิกการขายไปก่อน เพราะไม่มาทำสัญญา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า มีพยานจากกระทรวงพาณิชย์ให้ปากคำว่า ช่วงเวลาดังกล่าว มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ สั่งร่างสัญญาหนังสือเสนอซื้อแบบไม่มีเอกสารยืนยันประกอบ แม้จะมีตัวแทนรัฐบาลจีนมาลงนามในสัญญาจีทูจี 3 ฉบับที่กรมการค้าต่างประเทศ แต่พบว่า 2 บริษัทในคู่สัญญา มีการส่งออกจริง แต่มีการส่งออกไปยังบริษัทอื่นด้วย ดังนั้นขั้นตอนการทุจริตอาจเกิดขึ้นในส่วนนี้ โดยที่ผู้บังคับบัญชาลำดับชั้นอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้
โดยข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์รายนี้ ได้จัดทำเอกสารและชี้แจงนำเสนอไปยัง ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ โดยรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ขณะนั้น ทำหน้าที่รายงานเพื่อเสนอแก่ ครม. อย่างถูกต้องตามขั้นตอน เพราะอำนาจการอนุมัติเป็นของ ครม.เท่านั้น
มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากจะเอาผิดกับรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ จะต้องเอาผิดทั้ง ครม.ของนายอภิสิทธิ์ด้วย เพราะเป็นผู้อนุมัติ อย่างไรก็ดีจากการไต่สวน และตรวจสอบเส้นทางการเงิน ไม่พบว่ามีเส้นทางเงินไหลไปยังรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้แต่อย่างใด
ส่วนสำนวนการไต่สวนกล่าวหานางพรทิวา กับพวกนั้น แม้มีพยานบางราย กล่าวอ้างว่า คนแวดล้อมทางการเมืองของนางพรทิวา รวมถึงบริษัทเอกชนที่เข้ามาซื้อมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองชื่อดังที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ขณะนั้นก็ตาม แต่ไม่พบความเชื่อมโยงเรื่องเส้นทางการเงินมาถึงนางพรทิวา รวมถึงคนแวดล้อมนางพรทิวาที่ถูกกล่าวอ้าง ไม่มีการยืนยันว่า นางพรทิวาสั่งการเรื่องนี้ ดังนั้นจึงอาจเอาผิดได้แค่ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และคนแวดล้อมนางพรทิวาเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการประชุมวันนี้จะมีการพิจารณาสำนวนการไต่สวน คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง ที่มีการกล่าวหานายบุญทรง กับพวก เช่น นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และกลุ่มเอกชนด้วยเช่นกัน