3 ทหารเสือ กปปส. ถึงคิวรบกันเอง แยกทาง ซบ 3 ลุง ชิง ส.ส.เมืองหลวง
ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ระหว่าง 3 ทหารเสือ คงปฏิเสธตัวเลขจากผลโพลได้ยาก ว่า 2 ลุงของพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย เรตติ้งยังห่างกับลุงของรวมไทยสร้างชาติ ไม่น้อย
เริ่มเห็นการจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้งในกทม. ของบรรดาอดีตแกนนำ กปปส. หลายคน ที่กระจัดกระจาย แยกย้ายไปอยู่กันคนละพรรค ที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในปีกอนุรักษ์นิยม หรือฝ่ายขวา
เมื่อโฟกัสไปที่ 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และภูมิใจไทย ที่ 3 ทหารเสือ กปปส. สังกัด และต่างก็มีบทบาทในพื้นที่เมืองหลวงด้วยกันทั้งสิ้น ต่างฝ่ายต่างกำลังตระเตรียมขุนพลและกลยุทธ์ในการต่อสู้ ช่วงชิงกันเองเพื่อให้ได้เก้าอี้ส.ส.กทม.มาครอบครอง
ทหารเสือคนแรก คือ มิสเตอร์ทำทันธี หรือ จั้ม สกลธี ภัททิยกุล ที่ผนึกกำลังกับลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เที่ยวหน้างานหินกำลังรออยู่ เนื่องจากความนิยมของพลังประชารัฐที่ตกต่ำอย่างหนักสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งภายในพรรคที่มีมายาวนาน จนหลายคนเลือกจะอำลาไปหาบ้านหลังใหม่ที่อบอุ่นและสบายใจกว่า
หนึ่งในนั้นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกลา ป.ป้อม เรียบร้อย เพื่อไปสร้างดาวดวงใหม่สำหรับอนาคตกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีตัวสดอย่าง เดอะขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาฯพรรค ที่นับเป็นทหารเสือ กปปส. คนที่ 2 นอกจากจะมีบทบาทปิดดีลนักการเมืองให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคแล้ว ยังรับบทแม่ทัพเมืองหลวงให้กับพรรคลุงตู่อีกด้วย
ขณะที่ทหารเสือ กปปส. คนที่ 3 คือ เสี่ยบี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่เลือกไปร่วมงานกับภูมิใจไทยโดยมี เนวิน ชิดชอบ รับบทครูใหญ่ คอยช่วยติวเข้มวิชาการการเมือง แม้กระแสใน กทม. ยังตามหลังหลายพรรคการเมืองก็ตาม แต่ดูเหมือนเที่ยวนี้ ภูมิใจไทยเอาจริงเอาจังพอสมควร
หากดูผลสำรวจความนิยมของนิด้าโพล หัวข้อ คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคน กทม. จะพบว่า ลุงตู่มีความนิยมมาอันดับ 2 ที่ประมาณร้อยละ 15 ของคนที่อยากให้เป็นนายกฯ ตามหลัง ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ความนิยมที่ประมาณร้อยละ 20
ขณะที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่อันดับ 10 มีความนิยมที่ประมาณ ร้อยละ 2 เท่านั้น ส่วน ครูใหญ่เนวิน ไม่มีชื่อติดโผ และตัว ป.ป้อม เอง ความนิยมในกทม. แทบจะเรียกว่าอยู่ในกลุ่มท้ายแถวของนิด้าโพล
น่าสนใจว่า เมื่อ 3 ทหารเสือ กปปส. ซึ่งล้วนแล้วแต่มีฐานเสียงในเมืองหลวง เหมือนกัน เคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ถึงวันนี้ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้ต่างต้องแยกทัพ ตั้งท่ารบกันเอง ท่ามกลางเดิมพันทางการเมืองของแต่ละคนที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ในสนามปราบเซียนอย่างกทม. ที่กระแสเชี่ยวกราก พร้อมสวิงอย่างรุนแรงได้ทุกทิศทุกทาง
ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ระหว่าง 3 ทหารเสือ คงปฏิเสธตัวเลขจากผลโพลได้ยาก ว่า 2 ลุงของพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย เรตติ้งยังห่างกับลุงของรวมไทยสร้างชาติ ไม่น้อย และต้องติดตามว่า เมื่อถึงวันเข้าคูหา เรตติ้งต่างๆ จะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน เพราะตรงนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดความสำเร็จในสังเวียน กทม. นั่นเอง