"สุรพล" ขอบคุณศาลคืนศักดิ์ศรีการเมือง จี้กกต.ชดใช้62ล้านปมใบส้ม
"สุรพล เกียรติไชยากร" ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ ขอบคุณศาลคืนศักดิ์ศรีการเมือง-พรรคเพื่อไทย จี้กกต.ชดใช้62ล้านปมแจกใบส้ม ขู่ไม่ดำเนินการเจอร้องกรมบังคับคดี
ที่จ.เชียงใหม่ นายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องชดใช้เงิน 62 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยเพื่อชดใช้ค่าเสียหายกรณีให้ใบส้มแก่ตนว่า วันนี้ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ศาลศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งตนถือว่าได้เรียกร้องศักดิ์ศรีคืนมาให้ตัวเอง และ พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง ประชาชนที่ ลงคะแนนเสียงให้ตน และส่วนตัว เล่นการเมืองร่วม 30 ปี ยืนยันไม่เคยใช้เงินซื้อเสียง ได้คะแนนมาอย่างยุติธรรมขาวสะอาด
หลังจาก ศาลศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา จะต้องรอดูท่าทีของ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไร ภายใน 30 วัน
"หากกกต.ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะต้องยื่นไปยัง กรมบังคับคดีต่อไป โดยเงินที่ กกต. จะนำมาชดใช้ไม่ควรเป็นเงินจากภาษีประชาชนแต่ควรเป็นเงินของคณะกรรมการ ทั้ง 7 คน ที่มีมติแจกใบส้มที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในครั้งนี้"
ขณะที่ การเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยในพื้นที่เดิมอย่างแน่นอน เพื่อกลับมาทำงานให้กับประชนในพื้นที่ และการกลับมาครั้งนี้ ถือว่า เป็นการ พิสูจน์ตัวเอง และความเชื่อมั่นของประชาชนอีกครั้ง หลังศาลได้ตัดสินแล้วว่าตนไม่มีความผิด
สำหรับกรณีมีมติให้ “ใบส้ม” เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นายสุรพล เป็นการชั่วคราว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2562 และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 ใหม่ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หลังจาก กกต.ได้รับคำร้องร้องเรียนกล่าวหาว่า “นายสุรพล” ใส่ซองทำบุญให้พระสงฆ์ 2,000 บาท เข้าข่ายเป็นความผิดตามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ฐานให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานสถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง
คดีนี้ศาลจังหวัดฮอดพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชดใช้ค่าเสียหายและเยียวยากว่า 64 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 70 ล้านบาทและวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แก้เป็นว่าให้ กกต.จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 56,792,568 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามระยะเวลาและจำนวนที่ศาลชั้นต้นกำหนดการคิดดอกเบี้ย เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2562 ในอัตราร้อยละ 7.5 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และจากวันที่ 11 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน ในอัตราร้อยละ 5 ดังนั้น เงินต้น 56.7 ล้าน รวมดอกเบี้ย จะเป็นเงินประมาณ 62 ล้านบาท