ฉายารัฐบาล เปิดบทสรุป 4 ปีสื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาร้อน สะท้อน "ประยุทธ์"
เปิดธรรมเนียมปฏิบัติ "สื่อมวลชน" สายการเมืองทำเนียบรัฐบาล ตั้ง "ฉายารัฐบาล" แห่งปี ยุค "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ 2562-2565
การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยมีมติร่วมกันตั้งฉายานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และวาทะแห่งปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วตั้งแต่ปี 2562-2565
สำหรับปี 2565 ถือเป็นปีสุดท้ายของการทำหน้าที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ผ่านการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งการตั้งฉายารัฐบาลจึงเป็นภาพสะท้อนที่มาจากกลุ่มสื่อมวลชนที่มีต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาลในแต่ละปีที่ได้ถูกบันทึกไว้ และหากนับเฉพาะฉายานายกรัฐมนตรี ฉายารัฐบาล และวาทะแห่งปีที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งหมด มีดังนี้
ปี 2562
ฉายารัฐบาล : "รัฐเชียงกง" สะท้อนภาพรัฐบาลคล้ายแหล่งค้าขายอะไหล่มือสอง ประกอบกันขึ้นจาก ข้าราชการยุคก่อน และนักการเมืองหน้าเก่า แม้ใช้ประโยชน์ได้ แต่ยังขาดความน่าเชื่อถือ สะท้อนความไม่มีเสถียรภาพ
ฉายาพล.อ.ประยุทธ์ : "อิเหนาเมาหมัด" ยกคำสุภาษิตไทย ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เปรียบแนวทางปฏิบัติ และนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เห็นได้ชัดหลายเรื่อง มักจะตำหนิ หรือไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และสุดท้ายก็กลับมาทำเอง เช่น โครงการลักษณะประชานิยม บอกไม่เป็นนายกฯ สุดท้ายก็กลับมา, ไม่อยากเล่นการเมือง ก็หนีไม่พ้น, หนีการตอบกระทู้ในสภา , มองข้ามข้อครหาเรื่องงูเห่าการเมือง การซื้อตัว ส.ส. , ตั้งคนมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองเป็นรัฐมนตรี , แต่งตั้งญาติพี่น้องเข้าสภา , ยอมให้พรรคที่สนับสนุนใช้นโยบายค่าแรงหาเสียง ทั้งที่เคยตำหนิว่า ว่าการขึ้นค่าแรงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน อีกทั้งไม่สามารถควบคุมให้รัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ เกิดปัญหาติดขัดการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงงบประมาณที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ และฝ่ายตรงข้ามรุมเร้าคล้ายโดนระดมหมัดเข้าถาโถม แม้พยายามสวนหมัดสู้ แต่หลายครั้งถึงกับมึนชกโดนตนเองก็มี
วาทะแห่งปี : "อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร" วาทะนี้เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวระหว่างให้โอวาทเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562
2563
ฉายารัฐบาล : VERY "กู้" เปรียบเปรยการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องกอบกู้วิกฤติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กู้ชีวิตคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย แม้จะยังไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ก็ยังดีกว่าหลายประเทศ แม้จะไม่ถึงขั้น very good ก็ตาม ขณะเดียวกัน ผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องคนไทยที่ต้องแบกรับภาระหนี้สิน และภาวะตกงาน บางคนต้องจากโลกนี้ไปด้วย ไม่อาจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้เงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์มาบรรเทาปัญหา
ฉายาพล.อ.ประยุทธ์ : "ตู่ไม่รู้ล้ม" เป็นการล้อคำ "โด่ไม่รู้ล้ม" ชื่อยาดองชนิดหนึ่ง สรรพคุณคึกคัก กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สะท้อนถึงการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ว่าจะประสบปัญหา อุปสรรคการเมือง หรือชุมนุมขับไล่ถาโถม ก็ยังยืนหยัดฝ่าฟันอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป
วาทะแห่งปี : "ไม่ออก.. แล้วผมทำผิดอะไรหรือ" เป็นคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตอบข้อซักถามสื่อมวลชน พร้อมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีที่ยืนเรียงหน้าประกาศความเหนียวแน่น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
2564
ฉายารัฐบาล : "ยื้อยุทธ์" ภาพของรัฐบาล ที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจ และตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน และการเดินหน้าประเทศ ถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และมองการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่ไสส่งอย่างไร ใครไม่อยู่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่
ฉายาพล.อ.ประยุทธ์ : "ชำรุดยุทธ์โทรม" การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ
วาทะแห่งปี : "นะจ๊ะ" เป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดา เมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ที่ประชาชนสิ้นหวัง มีผู้คนล้มตายข้างถนน ตกงาน ขาดรายได้ จากวิกฤติโควิด-19 แม้นายกรัฐมนตรีเลือกใช้คำดังกล่าว เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของสถานการณ์ลง
แต่สังคมสะท้อนกลับให้เห็นผ่านเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ว่าเป็นการใช้คำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทบกระเทือนจิตใจผู้คน โดยเฉพาะการพูดหลังการประชุมวัคซีน และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ตึกภักดีบดิทร์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม. และปริมณฑล สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ
(กราฟิกปี 2564 ที่มา Nation Online)
2565
ฉายารัฐบาล : "หน้ากากคนดี" เป็นอีกหนึ่งปี ที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่
เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจ เพียงเพราะต้องการเช็กลิสต์ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นโยบายประชานิยมที่ออกแนวหาเสียง ให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือการประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชน หรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนามรัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้น จริงหรือไม่?
ฉายาพล.อ.ประยุทธ์ : "แปดเปื้อน" ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพล. อ.ประยุทธ์ ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลมีคำสั่ง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเพียงแค่ 38 วัน ก็ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มักจะพูดเสมอว่าไม่ยึดติดอำนาจ ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้น ใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง หรือแม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป
วาทะแห่งปี : "เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้" พล.อ.กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ในหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
ส่วนก่อนหน้านี้ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เคยงดตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี เนื่องจากมีข้อจำกัดทางข้อกฎหมาย และเป็นรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งการ "งดตั้งฉายา" เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในสถานการณ์ต่างกัน อาทิ ปี 2549-2550 ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อปี 2551
นอกจากนี้ยังมีสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือกระทั่งในปี 2556 ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากมีการประกาศยุบสภา และในปี 2557-2561 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหาร
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์