สูตรจับขั้ว "โอกาสพลิก-เกมเปลี่ยน"- "มิตรแท้-มิตรเทียม" ศัตรูถาวร ?
"สูตรการเมือง" ท่ามกลางสัญญาณพลิกขั้ว ภายใต้บริบท "การเมืองไทยไม่มีมิตรแม้และศัตรูที่ถาวร" ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นในอดีต
“การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” วลีนี้ยังสามารถใช้ได้กับการเมืองไทยทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ยามนี้จึงเต็มไปด้วยเกมขบเหลี่ยมเฉือนคม ชิงไหวชิงพริบ ยิ่งไปกว่านั้น มีการมองข้ามชอตไปถึง “สูตรจับขั้ว” ตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง
ไล่ดูผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง ของ “นิด้าโพล” เผยแพร่ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า บุคคลที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกฯ อันดับ 1 ร้อยละ 34.00 แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 14.05 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ และอันดับ 3 ร้อยละ 13.25 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล
ฉะนั้น อาจเรียกได้ว่า“สูตรจับขั้ว”รอบนี้ สมการการเมืองถูกบีบให้ต้องเลือกข้าง ระหว่าง “ฝ่ายหนุนประยุทธ์” และ “ฝ่ายไม่เอาประยุทธ์”
“ฝ่ายหนุนประยุทธ์” เวลานี้ชัดเจนแล้วว่า มีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ภายใต้เงื่อนไขต้องได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คน ตามบทบัญญัติในมาตรา 159 แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอชื่อนายกฯในสภา
ขณะที่ท่าทีของ “พลพรรคคนรักตู่” ดูเหมือนจะมั่นอกมั่นใจกระแสนิยม ที่แม้ผลโพลจะยังเป็นรอง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย แต่ด้วยผลงานที่ผ่านมา ทำให้คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ยังติด “ท็อปทรี” และจะส่งผลให้รทสช.กวาด ส.ส.ได้เกิน 25 เสียงแน่นอน
เช่นนี้ต้องจับตาไปที่สมการจับขั้วฝั่งหนุนประยุทธ์ ที่ต้องไม่ลืมว่า ผลจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประทับตราสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะสามารถดำรงตำแหน่งได้ถึง 6 เม.ย.2568 หรือเป็นนายกฯ ได้เพียงครึ่งเทอมเท่านั้น
สิ่งที่จะตามมาคือ ในช่วงรอยต่ออีก 2 ปีที่เหลือ ใครจะมาทำหน้าที่นายกฯ ต่อ ภายใต้โมเดล “นายกฯคนละครึ่ง” ?
ที่ผ่านมา มีความพยายามเสนอหลายสูตร ทั้ง “ตู่-ป้อม” คือรทสช.จับมมือพปชร. “ตู่-หนู” คือรทสช.จับมมือภูมิใจไทยหรือ “ตู่-?” ทว่าถึงเวลาจริง อาจต้องไปลุ้นหลายด่านที่รออยูเบื้องหน้า
ตรวจแถว “พรรคร่วมรัฐบาล” ณ เวลานี้ ทั้ง พรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางสัญญาณแยกดาวคนละดวงของพี่น้อง 2 ป.รอบหน้าชู “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ
พรรคภูมิใจไทย ภายใต้สมการพรรค 100+ ชิงเกมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สานฟัน “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ตามปฏิญญาบุรีรัมย์ ในการปั้น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคประชาธิปัตย์ รอบนี้มีเดิมพัน ต้องไม่น้อยกว่า 52 ที่นั่ง โดย “บิ๊กสีฟ้า” หวังลึกๆ ว่า ด้วยกติกาบัตร 2 ใบ แยกคน-แยกพรรค จุดนี้อาจเป็นตัวส่งให้ ปชป.ได้ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 60-80 ที่นั่ง เพื่อเพิ่มแรงต่อรองการจับขั้วในอนาคต
รวมถึง พรรคชาติไทยพัฒนา รอบนี้มี ส.ส.12 ที่นั่ง พรรคชาติพัฒนากล้า รอบนี้มี ส.ส.4 ที่นั่ง และบรรดาพรรคปัดเศษ ที่ต้องจับตาว่า ด้วยกติกาบัตร 2 ใบ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 รอบหน้าจะกวาด ส.ส.เข้าสภากี่ที่นั่ง
ขณะที่ “ฝ่ายไม่เอาประยุทธ์” โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย รอบนี้ มาด้วยแคมเปญแลนด์สไลด์ทั้งประเทศ ปลุกพลังโหวตสั่งสอนพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาด หมายความว่า จะต้องได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 250 ที่นั่ง
ทว่า เมื่อเจาะลึกลงไปที่สูตรในฝันของพรรคเพื่อไทย รอบนี้จะอยู่ที่ 300+ เพื่อเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ 375 จาก 750 เสียง เพื่อชิงเกมในการจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งปิดสวิชท์ ส.ว.และ พล.อ.ประยุทธ์ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปในคราวเดียวกัน
ฉะนั้น นอกเหนือจากตัวเลขที่พรรคเพื่อไทยจะต้องชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์แล้ว สิ่งที่จะต้องจับตาต่อ คือ สูตรจับขั้วเพื่อ “ชิงเกมตั้งรัฐบาล”
ไล่ลึกไปที่พรรคการเมือง “ขั้วฝ่ายค้าน” เวลานี้ พรรคก้าวไกล มี ส.ส.เหลืออยู่ 43 คน เสรีรวมไทยมี ส.ส.10 คน ประชาชาติมี ส.ส.7 คน เพื่อชาติมี ส.ส.6 คน ในส่วนของพรรคเล็กต้องลุ้นว่า ด้วยกติกาเลือกตั้ง ณ เวลานี้ จะกวาดส.ส.เข้าสภากี่ที่นั่ง
ในส่วนของพรรคสีส้ม รอบนี้ บรรดา“บิ๊กสีส้ม” มั่นใจว่า ด้วยกระแสนิยมที่ติดลมบนแทบทุกโพล จะเป็นตัวส่งให้พรรคกวาด ส.ส.ได้มากขึ้น
ท่าทีล่าสุดจาก “พลพรรคค่ายสีส้ม” โดยเฉพาะ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ประเมินการเมืองรอบหน้าในทำนองว่า การเลือกตั้งในปี 2566 คงไม่มีอุบัติเหตุแบบกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ประกอบกับพรรคเพื่อไทยชูคำขวัญ “แลนด์สไลด์” ย่อมทำให้กลุ่มที่ไม่ต้องการนายกฯ ชื่อประยุทธ์ เทคะแนนจากก้าวไกลไปที่พรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้าเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา “ช่อ”พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์สื่อหนึ่ง เสนอ “สูตรเปลี่ยนขั้วทางการเมือง” โดยที่ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จับมือกันแลนด์สไลด์ให้ได้เกิน 250 เสียง
สอดคล้องกับท่าทีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมายืนยันถึงความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด
ทว่า ท่าทีของ “พิธา” ยังดูเหมือนจะไม่เป็นที่ต้องใจของ “บางกลุ่ม” ในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรค หนึ่งใน “นักรบห้องแอร์” ที่ออกมาทวีตข้อความ แชร์คำพูดดังกล่าวของพิธา ระบุว่า “โหนจ๊ะโหน!! คำพูด และการกระทำต้องสอดคล้องกันนะครับ!!??”
จนลามเป็นวิวาทะระหว่าง “ติ่งแดง-ติ่งส้ม” ตอกย้ำกระแสแดงไม่เอาส้ม-ส้มไม่เอาแดง ที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง
ฉะนั้น สิ่งที่จะต้องจับตาคือ “สูตรการเมือง” รอบหน้า ซึ่งบรรดากูรูการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่า โอกาส “พลิกขั้ว” มีความเป็นไปได้สูง ฝั่งหนุนประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย ล่าสุด “นายใหญ่” ปราสาทสายฟ้า เนวิน ชิดชอบ ออกมาพูดถึงสมการการเมืองรอบหน้า ที่ “ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร”
สอดคล้องกับน้องรักอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่ออกมาสำทับว่า การเมืองรอบหน้า ถึงเวลาสลายขั้ว การจับขั้วจะชัดเจนเมื่อรู้ผลเลือกตั้ง
วลีของ “2 พี่น้อง” ถูกตีความว่า ไม่ต่างอะไรกับการทอดสะพานไปสู่บิ๊กดีลสำคัญ โดยเฉพาะ “คนแดนไกล” ที่แม้จะมีปมแค้นในใจ จากวลี“มันจบแล้วครับนาย” แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยน เวลาผ่าน สมการการเมืองก็อาจเปลี่ยนตามไปด้วย
ไม่ต่างจาก “ประชาธิปัตย์” ถึงที่สุดแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับการวางหมากของผู้มีอำนาจตัวจริง ว่าจะเดินในทางใด
หรือแม้แต่ “พลังประชารัฐ” ที่ยามนี้จะชู “ลุงป้อม” หนึ่งเดียว ด้วยสัญญาณการแยกดาวคนละดวง ทำให้จังหวะการเมืองเบื้องหน้าของ “พี่น้อง 2 ป.” น่าจับตาอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะ “250 ส.ว.”ซึ่งถูกมองว่า เป็นหมากสำคัญในการโหวตเลือกนายกฯ ที่ยามนี้แบ่งเป็นสาย “ป.พี่-ป.น้อง”ตามไปด้วย
ยิ่งหลังๆเริ่มมีกระแสข่าวในลักษณะโยนหินไปถึงความสัมพันธ์ "ป.ป้อม" เมื่อครั้งเป็นรมว.กลาโหม ในห้วงที่คนแดนไกลเป็นนายกรัฐมนตรี ลามไปถึงการเปิดดีลสำคัญ โดยมี "ส.ว.บิ๊กทหาร" เพื่อนรักบิ๊กป้อม ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกเพื่อไทยมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทยเป็นคีย์แมนคนสำคัญ
ไม่ต่างจาก “2 พรรคชาติ” ทั้งชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนากล้า ที่ยังคงสวมบทพรรคสายกลาง พร้อมจับมือได้ทุกขั้ว หรือแม้แต่พรรคเกิดใหม่ อาทิ สร้างอนาคตไทย หรือไทยสร้างไทย ซึ่งต้องลุ้นว่า จะนำพา ส.ส.เข้าสภา เพื่อเปิดทางสู่การเปิดดีลได้กี่ที่นั่ง
อีกสูตรที่ยังไม่ตัดทิ้จากสารระบบการเมืองคือ สูตรขั้วที่3 ที่เกิดจากการจับมือกันระหว่างพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนากล้า สร้างอนาคตไทยและไทยสร้างไทย ซึ่งหากตั้งรัฐบาลตามโมเดลนี้ได้สำเร็จ การเมืองก็จะย้อนกลับไปในวงเวียนเดิมคือเป็น "รัฐบาลผสม" สิ่งที่จะตามมาคือการคอนโทรลเสียงจะทรงพลังมากน้อยเพียงใด?
การขยับขับเคลื่อนเหล่านี้ เป็นการตอกย้ำสมการการเมือง ที่นับวันจะยิ่งเห็นเค้าลาง ผ่านสูตรจับขั้ว ที่มีการโยนหินถามทางออกมาเป็นระยะ ภายใต้บริบทการเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ดังตัวอย่างในอดีต ที่มีให้เห็นกันมานักต่อนัก!