“ทุนจีนสีเทา”อั้งยี่เวอร์ชั่น 4.0 ภัยคุกคามใหม่ ซึมลึก กินรวบ
"ไทย"กำลังเผชิญปัญหาขบวนการทุนจีนสีเทา ที่นับวันจะมีเครือข่ายเป็นระบบฝังลึกในสังคม ซึ่งมีข้อสังเกตว่าข้อมูลลับๆ บางอย่างที่ไม่น่าจะหาได้ แต่“ชูวิทย์”มีถึงชั้นลึกๆ ...มีใครเป็นแบ็คอัพให้หรือไม่
หาก “ไทย” ยังคงรักษาสมดุล และกำหนดท่าทีที่ชัดเจน ว่าจะไม่เป็นฐานของประเทศมหาอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสหรัฐอเมริกา หรือจีน ผลกระทบที่จะเกิดจากสงครามยืดเยื้อระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” ที่ประเมินกันแล้วว่า ลากยาวเป็น 10 ปี ก็แทบจะไม่มี
แน่นอนว่าในอนาคต ยูเครนจะมีสภาพไม่ต่างจากซีเรีย แต่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังสงครามจบ เพราะสหรัฐฯกับนาโต้ จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนกรณีรัสเซียเพลี่ยงพล้ำ จะส่งผลให้จีนอ่อนแรงลงไป เนื่องจากพันธมิตรมีน้อยลง
แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดการณ์ เพราะปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันรุกผลัดกันรับ ควบคู่ไปกับความพยามยามเปิดโต๊ะเจรจา
สถานการณ์ปี 2566 จะทรงๆ อยู่แบบนี้ แน่นอนว่า ผลกระทบด้านพลังงานยังแปรปรวนต่อไป รวมถึงราคาอาหาร ปุ๋ยและอาจจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เกี่ยวข้อง เช่น แร่ธาตุบางอย่าง ยกเว้นสถานการณ์เกิดผกผันกรณีจีน-ไต้หวัน ปะทุขึ้นมาซึ่งจะกระทบไทยโดยตรง
ทว่า เวลานี้ สิ่งที่น่ากังวลใจที่สุด คือการหลั่งไหลเข้ามาของ“กลุ่มทุนจีนสีเทา” หนึ่งในภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่หลายประเทศกำลังประสบปัญหา บางประเทศถึงขั้นประกาศปิดศูนย์วัฒนธรรมจีน และออกกฎหมายป้องกันการแทรกแซง เช่น ออสเตรเลีย
ขณะที่ สหรัฐฯ ติดตามความเคลื่อนไหวปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยมีข้อมูลลับๆ มากมาย และพยายามหาช่องทางทลายเครือข่ายกลุ่มทุนจีน ที่แผ่ขยายอิทธิพลในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ส่วนประเทศไทย ถือเป็นปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีการพูดถึงการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของคนจีน มาทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น เข้ามาซื้อบริษัท ตั้งรกรากในย่านรัชดา กทม. พัทยา ชลบุรี หรือเชียงใหม่
ต่อมาจึงปรากฎแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทัวร์ศูนเหรียญ และปัจจุบันทำกันเป็นระบบ มีความเชื่อมโยงซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เครือข่าย-คอนเนกชั่นของผู้กว้างขวาง ดูแล ปกป้องให้พ้นจากเงื้อมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐมาตลอดหลายปี
ที่ผ่านมา มีความพยายามเปิดโปงกันมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยปะทุได้เหมือนปฏิบัติการของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”
จึงทำให้เห็นถึงความซับซ้อนของกลุ่มทุนจีนสีเทา ในการทำธุรกิจแบบกินรวบ และซึมลึกเข้าถึงทุกแวดวง ทั้งการเมือง ธุรกิจ สถานบันเทิง ที่มาพร้อมกับอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด กระบวนการค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ การพนัน และการฟอกเงิน
ปฏิบัติการ “ชูวิทย์” เป็นข่าวครึกโครมข้ามประเทศ และเกิดเอฟเฟคสะท้อนกลับ ในช่วง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางมาเยือนไทย ร่วมประชุมเอเปค ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถึงกรณีดังกล่าว ที่มีการพาดพิงถึงชาติพันธ์ุ และขอให้ทางการไทย ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายราชอาณาจักรไทย แต่ไม่ควรนำเรื่องชาติพันธุ์ความเป็นคนจีนมาเกี่ยวข้อง เพราะเป็นความผิดเฉพาะกลุ่ม หรือส่วนบุคคล
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง เปิดเผยว่า มีตัวชี้วัดใหม่ออกมา ของ China index ไต้หวัน ระบุว่าไทยอยู่ในอันดับต้นๆ รั้งอันดับ 3 ที่ได้รับอิทธิพลจีน รองจากสิงคโปร์ ปากีสถาน ปฏิบัติการของชูวิทย์ เป็นเพียงการสะกิดยอดภูเขาน้ำแข็งให้เราเห็น แต่ลึกๆ แล้ว ใต้ภูเขานี้ยังมีอีกมาก ทั้งกระบวนการค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ พนัน อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด ซึมลึกเข้าทุกแวดวงในสังคมไทย เปรียบเหมือนกระบวนการ “อั้งยี่ในเวอร์ชั่น 4.0”
อาจารย์ปณิธาน ยอมรับว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่กระทบต่อความมั่นคง และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทราบดี เพราะสมัยเรียน วปอ.ท่านเคยทำวิทยานิพนธ์ เรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยตรง แต่การขยับตัว หรือดำเนินการใดๆต้องทำด้วยความระมัดระวัง
" ปราบได้จริง จะช่วยได้เยอะ เพราะเริ่มซึมเข้าไปในระบบเยาวชน มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ บันเทิง การเมือง โรงพยาบาล แต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การดำเนินการต่างๆ ต้องอาศัยความร่วมมือกับจีน ซึ่งจีนเองก็อยากดำเนินการกับคนเหล่านี้อยู่แล้ว ต้องคุยกับจีนให้รู้เรื่อง จัดการคนพวกนี้ ขอความร่วมมือ และต้องเอาจริง ถ้ามีความร่วมมือที่ดีกับจีน ช่วยได้เยอะ จีนสั่งได้หลายอย่าง เพียงแต่คนไทยก็ติดกับดักเรื่องเงินเสียเอง"
รศ.ดร.ปณิธาน ย้ำว่า การแก้ปัญหาของไทย ต้องทำให้รอบคอบ เพราะไทยมีแนวทางที่ชัดเจนว่า เราต้องไม่ไปก่อศึกหรือเผชิญหน้าใคร เพราะจะเสียประโยชน์ แต่หากไม่บริหารจัดการให้ดี เกาะในประเทศไทยจะถูกยึดไปทีละเกาะสองเกาะ ด้วยกลุ่มทุนจีนเหล่านี้
นี้เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาขบวนการทุนจีนสีเทา ในวันที่จีนกำลังรุกคืบขยายอิทธิพลเข้ามาในภูมิภาค ไม่ต่างจากสหรัฐฯ ซึ่งนับวันจะมีเครือข่ายเป็นระบบฝังลึกในสังคมไทย
แต่มีข้อสังเกตว่า ข้อมูลลับๆ บางอย่างที่ไม่น่าจะหาได้ แต่“ชูวิทย์”มีถึงชั้นลึกๆ ...มีใครเป็นแบ็คอัพให้หรือไม่