อัยการ-ผบ.ตร. แถลงออกหมายจับคดี "ตู้ห่าว" เพิ่มอีก 12 ราย
อัยการ-ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลง ออกหมายจับคดี "ตู้ห่าว" เพิ่มอีก 12 ราย ฐานสมคบค้ายา 10 ราย ฟอกเงิน 2 ราย รวบได้แล้ว 2 ราย
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงาน และคณะทำงานฯ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้า การสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหาคนสำคัญ จากการทลายเครือข่ายทุนจีนสีเทา หลังจากมีการประชุมคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดี นำโดย นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด (อสส.)
โดยพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ที่ร่วมสอบสวน ได้ดำเนินการร่วมกันสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้วรวม 25 หมาย จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 17 คน
ต่อมาในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ได้ขออนุมัติให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 12 หมาย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ในความผิดที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหา 12 หมาย เป็นความผิดฐานสมคบกัน เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน
โดยการกระทำมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 ไว้ในครอบครอง และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 2 หมาย และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินจำนวน 10 หมาย และคณะทำงานฯ จะพิจารณาขยายผลการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ทั้งนี้ คดีตู้ห่าว ถือเป็นคดีมหากาพย์ ซึ่งชื่อของ “ตู้ห่าว” หรือ นายชายณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ เป็นที่รู้จัก หลังตกเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ จากการทลายเครือข่ายทุนจีนสีเทา โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้น “ผับจินหลิง” สถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวา พร้อมจับกุมผู้ใช้บริการพบปัสสาวะสีม่วง 104 คน เป็นคนจีน 99 คน
นอกจากนั้น ยังพบยาเสพติดจำนวนมาก เช่น แฮปปี้วอเตอร์ 323 ซอง ไฟว์ไฟว์ 8 เม็ด ยาอี 3,919.7 กรัม และเคตามีน 855.9 กรัม รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สิน 49 รายการ และรถหรู 35 คัน
ต่อมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แฉข้อมูลว่า “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับ และเป็น 1 ใน 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งเขาอ้างว่า เป็นกลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในไทย ทั้งบ่อนการพนัน ผับ บาร์ ยาเสพติด และการฟอกเงิน ทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีความสัมพันธ์ถึงผู้มีอำนาจในประเทศ
ขณะที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะปกป้องกลุ่มทุนจีนสีเทา ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าว เกิดวิวาทะระหว่าง นายชูวิทย์ และ นายสันธนะ จนกลายเป็นข่าวรายวัน
ต่อมามีการขยายผลการสืบสวนไปจนพบว่า มีสถานบันเทิงที่คล้ายกันอีกหลายแห่ง อาทิ คลับวัน พัทยา และ ผับจินหลิง ย่านยานนาวา จนพบว่า กลุ่มคนจีนทั้งหมดเป็นขบวนการเดียวกัน
วันที่ 23 พ.ย.2565 “ตู้ห่าว” เข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังถูกออกหมายจับ โดยเจ้าตัวยังปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยตำรวจคัดค้านการประกันตัว ทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล
จนถึงปัจจุบัน นายตู้ห่าว ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยมีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวน จะสรุปสำนวนคดีส่งอัยการประมาณกลางเดือน ม.ค.2566