"โกวิทย์" ไม่ชัดเลิก "พรรคพลังท้องถิ่นไท" ตะโกนถาม "รวมไทย"เปิดบ้านรับไหม

          นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาต่อการขับเคลื่อนพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ว่าช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ ตนจะประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังท้องถิ่นไท เพื่อหารือถึงทิศทางของพรรค เบื้องต้นมี 2 แนวทางที่จะดำเนินการ คือ สู้เลือกตั้งในนามพรรต่อ หรือไปรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านี้ นายชัชวาลล์ คงอุดม อดีต ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท ย้ายไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม

          “ผมเสียดายท่านชัชวาลล์ที่ออกจากพรรค แต่ท่านไปพรรครวมไทยสร้างชาติเพราะความเกรงใจ หลัง นายกฯ เป็นผู้เชิญให้ไปร่วมทำงาน ซึ่งท่านชัชวาลล์ เป็นคนมีน้ำใจจึงตอบรับส่วนแนวทางการเมืองของพรรคพลังท้องถิ่นไท นั้น ผมได้คุยกับ ท่านชัชวาลล์ทุกคืน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่าจะเปิดบ้านต้อนรรับหรือไม่ และช่วงที่ท่านชัชวาลล์ตัดสินใจไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีเงื่อนไขที่จะพาคนของพรรคพลังท้องถิ่นไท ไปเข้าสังกัดด้วย” นายโกวิทย์ กล่าว

          นายโกวิทย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุมกรรมการบริหารพรรคนั้น จะเป็นแค่การหารือถึงแนวทาง แต่การตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องฟังเสียงจากสมาชิกของพรรคที่ปัจจุบันมีกว่า 2.8หมื่นคน อย่างไรก็ดีจากการประเมินเสียงยังก้ำกึ่ง ดังนั้นต้องหาข้อยุติ เบื้องต้นคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้จะมีความชัดเจน

          “ผมขอส่งเสียงดังๆ ไปยัง พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าจะว่าอย่างไร จะเปิดบ้านรับหรือไม่ ถ้าไม่เปิดผมจะไปอย่างไร ผมต้องสู้ตามแนวทางของพรรคต่อไป แต่หากพูดถึงการรวมกันต้องเจรจาว่าจะทำอย่างไร เพราะพรรคพลังท้องถิ่นไท มีส.ส.ถึง 5 คน ส่วนรวมไทยสร้างชาติไม่มีส.ส.ในสภาฯ” นายโกวิทย์ กล่าว

          เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง นายโกวิทย์ กล่าวโดยเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไปจนถึงเดือนมีนาคม แม้สภาพของสภาฯ จะง่อนแง่น และยุบสภา หรืออาจจะอยู่ครบเทอม ส่วนการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ขณะที่การต่อสู้ทางการเมือง จะเป็นศึกของพรรคใหญ่ ทั้ง พรรคเพื่อไทย, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคก้าวไกล, พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะสู้กันด้วยกระแส แต่พรรคเล็ก อย่างพรรคพลังท้องถิ่นไท, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบหากยืนหยัดในเรื่องนโยบาย