"จรุงวิทย์" แนะ "กกต." เปิดแนวรบระดับหมู่บ้าน ขจัดซื้อเสียงได้ในชาตินี้
"ส.ว." หนุนจ่ายค่าเดินทาง คนเลือกตั้ง 500 บาท สร้างประชาธิปไตยกินได้ - สำนึกตอบแทนคุณแผ่นดิน เลือกคนดี ด้าน "จรุงวิทย์" รับมีทุจริตเลือกตั้ง แนะ กกต. เปิดแนวรบระดับหมู่บ้าน เชื่อขจัดซื้อเสียงได้แน่
ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ในการนำเสนอรายงาน โดยว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. ฐานะเลขานุการ กมธ. ย้ำเนื้อหารายงานที่มีผลศึกษาจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่ผ่านมา ว่า ยอมรับว่าการเลือกตั้งส.ส.นั้น ไม่สุจริตเที่ยงธรรม พบข้อเท็จจริงว่าทุกเขรเลือกตั้งที่ศึกษามีการซื้อหัวคะแนนล่วงหน้า โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นพบการซื้อหัวคะแนนรายละ 20,000 บาท ขณะที่การจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมาเลือกตั้ง พบปัญหา โดยเฉพาะการได้เบาะแสเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้สมัครที่ซื้อเสียง หรือผู้ที่ถูกใช้ให้ไปซื้อเสียง เช่น ในการเลือกตั้ง จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าา ลูกถ่ายคลิป พ่อรับเงิน เมื่อแจ้งไปยัง กกต. พบว่า พ่อติดคุก ผู้สมัครได้ใบเหลือง และไม่สามารถเอาผิดคนทำผิดได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องมีกฎหมายเพื่อกันผู้ให้เบาะแสไว้เป็นพยาน และมีรางวัลค่าตอบแทน
ว่าที่ร.ต.วงศ์สยาม กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาการรับเงินของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นเรื่องของความจำเป็นเพราะปัญหาโควิด และเศรษฐกิจ ดังนั้น กมธ.มีข้อเสนอให้ กกต. หรือภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จ่ายค่าเดินทางให้ผู้ที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งคนละ 500 บาท เบื้องต้นจะใช้เงิน 2หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์ที่จะมีผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน จากผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 66 ล้านคน
“นโยบายของรัฐบาล ให้เงิน 200 - 500 บาท ต่อเดือน ใช้เงินปีละแสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจดังนั้นการให้ค่าเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่ 4 ปีมีครั้ง จะทำให้ประชาชนได้ตอบแทนคุณแผ่นดินตอบแทนหลวงให้คนเลือกคนดี มีความรู้ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง เพราะยอมรับว่าาในต่างจังหวัดต้องเดินทางไกล มีค่าใช้จ่าย 80- 100 บาท ดังนั้นควรให้เขารู้สึกว่าประชาธิปไตยกินได้ ตั้งแต่วันที่ออกมาใช้สิทธิ” ว่าที่ร.ต.วงศ์สยาม รายงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานส.ว.ได้อภิปรายสนับสนุนเนื้อหา พร้อมแสดงความกังวลต่อการเลือกตั้งที่เป็นธุรกิจการเมือง ใช้เงินซื้อเสียง ขณะที่การทำงานของ กกต. โดยเฉพาะ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ไม่มีความรู้และไม่สามารถควบคุมการเลือกตั้งที่สุจริตได้ จึงมีข้อเสนอให้ กกต. ปรับวิธีทำงาน โดยเฉพาะการจับตาหัวคะแนนนักการเมืองที่เป็นผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ทางด้าน นายถาวร เทพวิมลเพชรกุล ส.ว. อภิปรายสนับสนุนให้กกต.จ่ายคค่าเดินาทงเพื่อตอบแทนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง รายละ 500บาท พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งที่ปราบปรามไม่ได้ เนื่องจา กกต. ประจำหน่วย หรือผู้อำนวยการเลือกตั้งในพื้นที่ไม่มีความรู้ ควบคุมการเลือกตั้งให้ยุติธรรมไม่ได้ พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาบางพื้นที่พบว่ามีนาตำรวจเป็นหัวคะแนน ทำหน้าที่จ่ายเงินซื้อเสียง
ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว. ฐานะอดีตเลขาธิการ กกต. ฐานะกมธ. ชี้แจงโดยยอมรับว่าในการเลือกตั้งล่วงหน้าตามต่างจังหวัดมีการทุจริต ส่วนประเด็นที่เคยเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การขนหีบบัตรเลือกตั้งไม่ทันเวลาปิดหีบ ซึ่งตามกฎหมายให้ถือเป็นบัตรเสีย ดังนั้นต้องถามกระทรวงการต่างประเทศว่ามีความพร้อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือไม่
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา กระบวนการป้องกันการซื้อเสียงได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง แต่ตนมองว่าขณะนี้ต้องเปิดแนวรบที่หมู่บ้าน โดยกกต.ต้องประสานติดป้ายในหมู่บ้าน แจ้งประชาชนให้ทราบถึงการได้รางวัลตอบแทนหากแจ้งเบาะแสคนซื้อเสียง จำนวน 1แสนบาท เพราะที่ผ่านมาพบการสอบสวน และทำได้แค่แจกใบเหลือง ใบแดงเท่านั้น โดยที่ผ่านมาพบว่าการตรวจสอบของกกต.ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกลับอีก ดังนั้นตนเชื่อว่าหากเปิดแนวรบที่หมู่บ้านได้จะทำให้เห็นว่าในชาตินี้เลือกตั้งไม่ซื้อเสียงเกิดขึ้นจริง
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. อภิปรายว่า นักการเมืองปัจจุบันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทั้งการแจกกล้วย และจ่ายเงินซื้อตัว ทำให้เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะถึงประชาชนจะเลือกเพราะการแจกกล้วยมากกว่าเลือกคนดี ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ได้พบกับนักการเมืองท้องถิ่น ได้ทราบถึงประเด็นข้อเเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิกการจำกัดวาระของนายก อบต. และเทศบาล รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ที่จำกัดอายุไม่เกิน 60 ปี ดังนั้นหากรัฐบาลชุดต่อไปเสนอแก้รัฐธรรมนุญ ตนจะนำเสนอปลดล็อคการจำกัดวาระดำรงตำแหน่งของนักการเมืองท้องถิ่น และพิจารณาแก้ไขว่าด้วยคุณสมบัติของ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่ต่ออายุออกไปอีก 4 ปี จากเดิมที่กำหนดให้ครบวาระเมื่ออายุ 60 ปี.