เช็คลิสต์ พรรคเล็ก พรรคใหม่ ชิงตัวเลือก "อะไหล่รัฐบาล"
ทิศทางของบรรดาพรรคในสนามเลือกตั้ง มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ มุ่งสู่การอำนาจการเมือง เมื่อคู่แข่งมากยุทธศาสตร์ต้องชัด -รักษาฐานที่มั่น อนาคตคือเตรียมเป็นหนึ่งใน สมการ ร่วมตั้งรัฐบาล
ปี่กลองเลือกตั้ง ดังกระหึ่ม แทบทุกพื้นที่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตบเท้าลงหาเสียง ขอคะแนนจากประชาชนแบบไม่มีใครยอมใคร
ขณะที่ ”พรรคการเมือง” ทยอยเปิดนโยบาย หวังใช้เป็นจุดเด่น จุดแข็ง สร้างกระแสให้ พรรคได้รับการจดจำจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นักเลือกตั้งแต่ละพรรค ประเมินไว้ว่า การยุบสภา จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เผลอๆ จะประกาศยุบสภาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎร จะปิดสมัยประชุม วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ด้วยซ้ำ
เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้ที่มีอำนาจ “ยุบสภาฯ” แต่เพียงผู้เดียว แสดงความพร้อมที่จะลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งแล้ว ขณะที่การทำงานในสภาฯ ฐานะ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ขาดประสิทธิภาพ การประชุมล่มซ้ำล่มซ้อนทุกสัปดาห์
สิ่งที่ถูกจับตาในตอนนี้นอกจาก กลยุทธ์สู้เลือกตั้ง ของพรรคการเมือง ยังเป็นเรื่องของการแย่งชิงตัวเลข เพื่อให้เพียงพอต่อ “สมการ” ที่จะกลับมา “ฟอร์มตัว” เป็น “รัฐบาลต่อ” หลังการเลือกตั้ง
ในฟากฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล ที่เดินหน้าประกาศนโยบาย ท้าชิงคะแนนนิยมไปแล้ว คือ “พรรคชาติไทยพัฒนา” นำโดย “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรค ที่ใช้ฤกษ์ ศุกร์ 20 มกราคม ประกาศ 10 นโยบาย ไม่ขายฝัน เพราะ “มั่นใจ ทำได้จริง”
โดยสาระหลัก ยังเน้นไปในด้านสิ่งแวดล้อม-การเกษตร ตามภารกิจที่ ได้รับตำแหน่ง ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ “วราวุธ” และ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ที่ “ประภัตร โพธสุธน” เป็นรมช.เกษตร นอกจากนั้นยังไม่ทิ้งเรื่องการดูแลคนพิการ ผู้สูงวัย ด้วยเพิ่มเบี้ยให้สูงสุดเดือนละ 3,000 บาท เป็นต้น
ทว่า “ชาติไทยพัฒนา” ยังมีนโยบายด้านการเมือง คือ แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชน ด้วยสูตรสำเร็จของ “บรรหารโมเดล” ให้ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” เป็นผู้ยกร่างกติกาของประเทศฉบับใหม่
สำหรับยุทธศาสตร์สู้ศึกเลือกตั้งในเชิงพื้นที่ หวังรักษาฐานที่มั่นของ “บ้านใหญ่” ทั้ง “สุพรรณบุรี"ยกจังหวัด นครปฐม ร้อยเอ็ด พยายามหาคะแนนเพิ่ม เพื่อให้ได้ส.ส.เข้าสภาฯ ไม่ต่ำกว่า 25 คน
ล่าสุด ได้เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ไปในหลายพื้นที่ เช่น “สจ.ฟิล์ม” ศุภโชค ศรีสุขขจร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต1, “วีระศักดิ์ โคตรสมบัติ” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร เขต1” - “ตรงสิทธิ์ ตั้งจตุรวิธ” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร เขต3 “สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต3 “วันชัย เจียมวิจักษณ์” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เชียงราย เขต 2 ประภาส ยงคะวิสัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ที่เชื่อว่าจะปักธง “ชาติไทยพัฒนา” ได้
จากนี้ “วราวุธ” จะใช้กลยุทธ์ “สีหมอกออนทัวร์” ตระเวนหาเสียงขอคะแนนจากประชาชน ให้ได้ในทุกพื้นที่
ต่อมา คือ “พรรคชาติพัฒนากล้า” ซึ่งมีจุดขายใหม่เป็น กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และ สุวัจน์ ลิปตพัลล ประธานที่ปรึกษาพรรค
ชาติพัฒนากล้า ปรับตัวหนีตายจากติกาเลือกตั้ง บัตร 2 ใบด้วยการรวมพรรค พร้อมดึงนักการเมือง “ยังบลัด” ทีม “โก้ วรนัยย์ วาณิชกะ” อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด เข้าร่วมงานทางการเมือง
พร้อมประกาศจุดยืน “พรรคชาติพัฒนากล้า” ให้เป็นพรรคที่มีนโยบายเด่น ด้านเศรษฐกิจ โดย วันที่ 24 มกราคม พรรคนี้ เล่นใหญ่ ประกาศนโยบายปรับโครงสร้างประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ ภายใต้สโลแกน “งานดี มีเงิน ของไม่แพง”
โดยมีรายละเอียดของนโยบายที่เตรียมคิกออฟ 12 ด้าน อาทิ จัดโครงสร้างภาษีใหม่ โละระบบสินเชื่อแบบเดิม นโยบายของไม่แพง โดยเน้นไปที่ราคาค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันราคาถูก นโยบายการศึกษา เพื่อเพิ่มทักษะให้คนมีโอกาสทํางานมากขึ้น เด็กไทยต้องเรียนรู้หลายภาษา นโยบายการสร้างเกษตรใหม่
นโยบายสร้างเถ้าแก่ใหม่ ด้วยการจัดตั้งกองทุนสนับสนุน นโยบายทางด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เชื่อว่า “จุดเด่นด้านนโยบาย” พ่วงกับบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และมีดีกรีเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี จะทำให้กระแสพรรคชาติพัฒนากล้า ถูกจับตา และเป็นที่สนใจจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
สำหรับพื้นที่ที่ “ชาติพัฒนากล้า” ตั้งเป้าปักธง พื้นที่ภาคใต้ เช่น ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช และ พัทลุงรวมถึง กทม. ที่ “ทีมกรณ์ จาติกวณิช” ดูแล และ ทวงคืน “โคราช” จ.นครราชสีมา” โดย “สุวัจน์-เทวัญ ลิปตพัลลภ” เร่งเครื่อง สร้างฐานความนิยม ในกลุ่ม “นิวโหวตเตอร์” และนักธุรกิจรุ่นใหม่-รุ่นใหญ่ ควบคู่กับ “คนโคราช” ที่ยังศรัทธาใน “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” หลังจากที่ฐานใหญ่ของโคราช ถูกหลายพรรคแบ่งเค้ก แย่งส่วนแบ่งความนิยม
แม้ตัวเลขของ ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า หวังจะได้เข้าสภาฯ ยังไม่มีใครระบุความแน่ชัด แต่จุดหมายปลายทางของ “ชาติพัฒนากล้า” คือ อยู่ในสมการตัวเลขรัฐบาลหลังเลือกตั้ง แบบไม่เลือกขั้วการเมือง
ขณะที่พรรคน้องใหม่ ที่ประกาศตัวเป็น “ขุนพลทางเศรษฐกิจ” อย่าง “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่นำโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-อุตตม สาวนายน -สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ล่าสุด จบดีลงานการเมืองกับ “พรรคไทยสร้างไทย” ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค แล้ว
ต้องจับตาการทำงานร่วมกันทางการเมือง ในนามพรรคใหม่ ที่ใกล้จะเปิดโมเดลควบรวมกัน และการผนึกกำลังสู้พรรคใหญ่ เพื่อชิงเค้กก้อนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคกลาง
ส่วน “พรรคพลังท้องถิ่นไท” ที่เผชิญกับภาวะ “เท้งเต้ง” หลัง “ชัชวาลล์ คงอุดม” ผู้มากบารมีของพรรค ลาออกไปร่วมงานกับ"พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดยทิ้งลูกพรรค ให้โดดเดี่ยว โดยมี “โกวิทย์ พวงงาม” หัวหน้าพรรค ดูแล ขณะที่แม่ทัพของพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่เคยเป็นมือไม้การเมืองต่างย้ายสังกัดไป “รวมไทยสร้างชาติ” เกือบหมด
ก่อนหน้านี้ “โกวิทย์” ส่งสัญญาณ ผ่านไปยัง “แกนนำรวมไทยสร้างชาติ” หลายครั้งว่า อยากให้รับส.ส.และสมาชิกพรรคของพรรคพลังท้องถิ่นไทไปอยู่ด้วย แต่ต่อรองขออันดับ “ปาร์ตี้ลิสต์” ที่การันตีได้กลับเข้าสภาฯ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ มาจากแกนนำรวมไทยสร้างชาติ แต่พรรคพลังท้องถิ่นไท ไม่ได้รีบร้อน ยังคงนั่งรอลูกพี่ชัช ไปเคลียร์ทางให้ จนกว่าจะมีการยุบสภา
จากนั้น “โกวิทย์” จะประเมินทิศทางอีกครั้ง หากต้องแบกพรรคให้ไปต่อ ก็พร้อมจะเดินหน้า ภายใต้กำลังที่พอมี และประกาศเป็นเครือข่ายสนับสนุนให้ “ประยุทธ์” ก้าวสู่บันไดนายกฯ อีกสมัย
ทิศทางของบรรดาพรรคต่างๆ ล้วนมีเป้าหมาย สู่การอำนาจทางการเมือง เมื่อคู่แข่งที่มากขึ้น ยุทธศาสตร์จึงต้องชัด และเน้นรักษาฐานที่มั่นของตัวเองไว้ เพื่อโอกาสที่จะถูกเลือกเข้าไปรวมในสมการการเมือง เป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญในรัฐบาล หลังเลือกตั้งให้ได้.