8 ปี 44 โครงการ 664 ล้าน! เจาะเอกชนสร้างอาคารกรมประชาฯ ก่อนถูกชง ป.ป.ช.สอบ
เปิดหมด 8 ปีงบประมาณ 44 โครงการ 664 ล้านบาท! เจาะ “เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส” เอกชนผู้ชนะประกวดราคาสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม กรมประชาสัมพันธ์ ก่อนถูกชง ป.ป.ช.สอบ “พล.ท.สรรเสริญ”
หลายคนคงทราบแล้วว่า เงื่อนปมโครงการจัดจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการ และศิลปกรรม ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ “เสธ.ไก่อู” อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กำลังถูกหลายฝ่ายในสังคมจับตา
แม้ว่าวงเงินงบประมาณของเรื่องนี้จะมีแค่ประมาณ 25 ล้านบาทเศษ แต่ทว่าไส้ในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว กลับถูกครหา เพราะซอยย่อยออกเป็น 2 โครงการ คือ จ้างออกแบบก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม ตามโครงการพัฒนาอาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อม และภูมิทัศน์ฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม โดยวิธีคัดเลือกแบบจำกัดข้อกำหนด มีบริษัท ลาภกิจ อินเตอร์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาด้วยวงเงิน 4.4 แสนบาท ทำสัญญาเมื่อ 15 ก.ย. 2560
ส่วนการก่อสร้างอาคารดังกล่าว กรมประชาสัมพันธ์ ประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรมพร้อมครุภัณฑ์ประกอบ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มีบริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ด้วยวงเงิน 24.62 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อ 18 เม.ย. 2561
รวมทั้ง 2 รายการเป็นเงิน 25.06 ล้านบาท โดยการจัดจ้างทั้ง 2 รายการข้างต้น ระบุสถานะงานว่า ส่งงานครบถ้วนหมดแล้ว
อ่านข่าว: เจาะไส้ในสร้างอาคารกรมประชาสัมพันธ์ 25 ล้าน ก่อนชง ป.ป.ช.สอบ “เสธ.ไก่อู”
สำหรับเอกชนผู้ชนะการประกวดราคาก่อสร้างอาคารดังกล่าว กรุงเทพธุรกิจ เคยนำเสนอไปแล้วว่า บริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา
โดยโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรมพร้อมครุภัณฑ์ประกอบ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) นั้น ระบุว่า ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2559 เพื่อเป็นค่าก่อสร้าง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ 1 แห่ง เป็นเงิน 25,166,800 บาท เพื่อพัฒนาอาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อมและภูมิทัศน์ ฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานที่อาคารดังกล่าว
กรมประชาสัมพันธ์ เป็นเจ้าของโครงการ มีการคำนวณราคากลางเมื่อ 5 ก.พ. 2561 อ้างอิงราคาจากแบบ ปร.4 คิดราคาค่อก่อสร้าง ค่าวัสดุ และค่าแรง เป็นเงิน 25,122,366 บาท โดยมีคณะกรรมการกำหนดราคากลาง 3 ราย ได้แก่ นายชัยยันต์ แย้มศรี เป็นประธาน นายสมนึก นิ่มเคี่ยม เป็นกรรมการ และนายทวีป สิงหรัตน์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ต่อมามีการเปิดให้เอกชนเข้ามาซื้อซอง และมีการยื่นซองในวันที่ 7 มี.ค. 2561 มีเอกชนยื่นซอง 2 ราย ได้แก่ บริษัท แสงนำชัย กรุ๊ป จำกัดเสนอราคา 23,130,000 บาท และบริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส์ จำกัด 24,619,900 บาท อย่างไรก็ดีกรมประชาสัมพันธ์ โดยนางสุกัญญา นาคสุข ผอ.กองคลัง ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ลงนามให้บริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยเสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน 24,619,900 บาท
ข้อมูล บริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (ชื่อเดิม หจก.สพรเลิศก่อสร้าง, หจก.สุเมธตรา) จดทะเบียนเมื่อ 23 ก.ย. 2534 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 111/155 หมู่ที่ 9 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แจ้งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปรากฏชื่อ นายไกรวิทย์ โกสีย์ศิริกุล เป็นกรรมการรายเดียว
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 มีรายได้รวม 105,229,154 บาท กำไรสุทธิ 6,157,274 บาท
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า บริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ระหว่างปีงบประมาณ 2558-2565 หรือราว 8 ปีที่ผ่านมาอย่างน้อย (เท่าที่ตรวจสอบพบ) 44 โครงการ รวมวงเงินไม่ต่ำกว่า 664.06 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ปีงบประมาณ 2565 เป็นคู่สัญญา 8 โครงการ รวมวงเงิน 251.51 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2564 เป็นคู่สัญญา 3 โครงการ รวมวงเงิน 44.93 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2563 เป็นคู่สัญญา 1 โครงการ รวมวงเงิน 131.75 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2562 เป็นคู่สัญญา 3 โครงการ รวมวงเงิน 158.03 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2561 เป็นคู่สัญญา 2 โครงการ รวมวงเงิน 26.26 ล้านบาท (ในจำนวนนี้คือประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรมพร้อมครุภัณฑ์ประกอบ ของกรมประชาสัมพันธ์ วงเงิน 24.62 ล้านบาท)
- ปีงบประมาณ 2560 เป็นคู่สัญญา 8 โครงการ รวมวงเงิน 40.86 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2559 เป็นคู่สัญญา 4 โครงการ รวมวงเงิน 1.16 ล้านบาท
- ปีงบประมาณ 2558 เป็นคู่สัญญา 15 โครงการ รวมวงเงิน 9.56 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีมติที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด เพราะฉะนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในกรณีนี้จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่