“สิริน ก้าวไกล”ทวงสิทธิประกัน ย้ำ ม.112 ต้องไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง
“สิริน ก้าวไกล” ชี้ ความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมสั่นคลอนหากไม่ปฏิรูป ย้ำ ม.112 ต้องไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง-สิทธิขั้นพื้นฐานรัฐต้องคุ้มครองไม่ใช่ต้องให้ประชาชนเสียสละ
นายสิริน สงวนสิน ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่ภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาในคดีทางการเมือง และคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 โดยระบุว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยในปัจจุบันกำลังยืนอยู่บนขอบเหวแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนเพราะที่ผ่านมาการพิจารณาคดีทางการเมือง โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีปัญหาในเรื่องของการบังคับใช้ และอัตราโทษที่สูงเกินไป ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าในหลายกรณีถูกใช้เป็นเครื่องทางการเมืองเพื่อกลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหาย สูญเสียอิสระภาพ และสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนด้วยกันเอง รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ก็ไม่สามารถรับรองสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง หรือแม้แต่สิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาอันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนได้ มีความพยายามเร่งรัดดำเนินคดี และมีการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมในการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาในคดีการเมือง จนกลายเป็นสิ่งที่สังคมวิตกกังวลและกังขาอย่างมากถึงกระบวนการยุติธรรมที่กำลังบิดเบี้ยว
นายสิริน กล่าวต่อว่า กรณีของ ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม อรวรรณ ภู่พงศ์ ที่ถอนประกันตนเองเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ แม้ว่าปัจจุบันทั้งคู่จะได้รับการส่งตัวไปรักษาอาการที่เกิดจากการอดอาหารประท้วงที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติแล้ว แต่นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะต้องได้รับการปฏิรูปในทันทีการดำเนินคดีต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ การกระทำดังกล่าวของตะวันและแบม คือความกล้าหาญของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ไม่ทนต่อความบิดเบี้ยวเหล่านี้ และพร้อมที่จะเผชิญหน้าต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นอย่างตาต่อตาฟันต่อฟันเพื่อเตือนสติผู้มีอำนาจทั้งหลายให้หันกลับมาพิจารณาถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น
ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้ผลักดันให้เกิดการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมาโดยตลอด เพื่อใช้กลไกของรัฐสภาในการแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อใช้ประหัตประหารของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่ารัฐสภาเลือกที่จะปฏิเสธการแก้กฎหมายที่จำกัดสิทธิของประชาชนเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลก็จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อคืนสิทธิการประกันตัว คืนสิทธิการแสดงออกทางการเมืองอย่างเสรี คืนอิสระภาพให้ผู้ต้องหาทางการเมือง และคืนความอิสระในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมแก่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
“การเสียสละอิสระภาพของตะวันและแบมเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของผู้มีอำนาจเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง และในเวลาเดียวกันก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวลว่าเหตุใดสังคมไทยถึงต้องบีบบังคับให้อนาคตของชาติเสียสละตัวเองเพียงเพื่อเรียกร้องให้ได้มาซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานที่พวกเขาต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ หากทุกคนไม่ตระหนักถึงปัญหา ไม่แสวงหาทางออกร่วมกัน และไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง ประเทศนี้คงหมดหวังในที่สุด” นายสิริน กล่าว