ย้อนปมฉาว 4 ปี “โต๊ะจีน” พปชร. ปิดช่องโหว่ เรียกเชื่อมั่น "นายทุน"
"...มาครั้งนี้ พปชร.จึงรัดกุมอย่างมาก ไม่เปิดเผยแผนผังงานให้ใครเห็น และไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ร่วมงาน-ผู้สนับสนุนงานแม้แต่คนเดียว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุ “ซ้ำรอย” การจัดงานในปี 2561 อีก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจาก “นายทุน” ให้กลับมาอีกครั้ง..."
ปี่กลองการเมืองโหมโรงเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง 2566 อย่างเต็มตัว
พรรคการเมืองเริ่มขยับ จัดงานหาแหล่งระดมทุนเตรียมเข้าสมรภูมิรบ โดยพรรคที่ถูกจับตามากสุดพรรคหนึ่ง มีชื่อของ “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจุบันมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค “รีแบรนด์” ตัวเองให้ทันสมัยมากขึ้น นำทัพประกาศพร้อมเป็นนายกฯ
ไฮไลต์สำคัญของ พปชร.ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นการจัดงานระดมทุน “โต๊ะจีน” ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกแอนด์คอนเวนชัน เซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง” มีบรรดาแกนนำพรรค ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร รวมถึงนายทุนผู้สนับสนุนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมจำนวน 170 โต๊ะ ราคาโต๊ะละ 3 ล้านบาท รวม 510 ล้านบาท
การจัดงานระดมทุนโต๊ะจีนของ พปชร.ครั้งนี้ ทำด้วยความ “รัดกุม” อย่างมาก ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อคนมาร่วมงาน และคนที่จ่ายเงินซื้อโต๊ะจีนสนับสนุนพรรคแต่อย่างใด แต่โยนให้เป็นหน้าที่ของ กกต.เปิดเผยภายใน 30 วัน ตามกฎหมายพรรคการเมือง
สาเหตุสำคัญ อาจเพราะ “เคยพลาด” มาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ช่วงปลายปี 2561 ยุคก่อร่างสร้าง พปชร.หมาด ๆ “ตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำพรรคขณะนั้นเป็น “โต้โผใหญ่” ประสานคอนเนกชั่นจัดงานระดมทุน “โต๊ะจีน” ที่อิมแพ็คฟอรั่ม ฮอลล์ 9 เมืองทองธานี โดยมีกลุ่มเอกชน-นักเลือกตั้ง เข้ามาร่วมงานระดมทุนครั้งดังกล่าวอย่างคับคั่ง
การจัดงานโต๊ะจีนเมื่อปลายปี 2561 มีจำนวน 200 โต๊ะ โดย “ณัฏฐพล” เปิดเผยภายหลังเสร็จงาน คาดการณ์ว่าจะได้ยอดระดมทุนราว 650 ล้านบาท
งานนี้ถูกสื่อขยี้อย่างหนัก เพราะถูกตรวจสอบพบว่า ในแผนผังการจัดงานจากออแกไนเซอร์ แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน VIP และโซนบุคคลธรรมดา โดยในโซน VIP มีโต๊ะที่ถูกระบุชื่อคล้ายหน่วยงานของรัฐ 3 แห่ง มาร่วมด้วย จำนวน 33 โต๊ะ คิดเป็นเงิน 99 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังปรากฎชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีบางคน ร่วมด้วยช่วยซื้อ 24 โต๊ะ วงเงิน 72 ล้านบาท
ทว่า หน่วยงานรัฐที่มีชื่อทั้ง 3 แห่งออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับ “ณัฏฐพล” ที่ยืนยันว่า ไม่มีหน่วยงานรัฐมาร่วมงานแต่อย่างใด
กระทั่งต้นปี 2562 พปชร.เผยแพร่รายชื่อผู้จ่ายเงินระดมทุนโต๊ะจีนดังกล่าว 2 ล็อต รวมเป็นเงิน 352 ล้านบาท ไม่ตรงกับยอดที่ “ณัฏฐพล” เคยให้สัมภาษณ์ไว้แต่อย่างใด โดยเจ้าตัวชี้แจงอีกรอบว่า สาเหตุที่ยอดไม่ถึง เพราะมีเอกชนบางรายไม่ประสงค์จ่ายเงินให้ เพราะไม่ต้องการให้สื่อที่ขุดคุ้ยเผยแพร่ข้อมูลอีก จึงไม่สะดวกสนับสนุนตอนนี้
เมื่อคุ้ยเบื้องลึกลงไป พบว่าบางรายเป็น “เอกชนยักษ์ใหญ่” และอีกหลายแห่งปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญา-ได้รับสัมปทานกับหน่วยงานของรัฐ รวมวงเงินหลายพันล้านบาท
ขณะเดียวกัน เอกชนบางแห่งนำส่งงบการเงินว่า ไม่มีรายได้ หรือขาดทุนมาตลอดหลายปี แต่กลับมีเงินควักจ่ายในงานระดมทุนรวมหลายสิบล้านบาท
ส่งผลให้ถูกสังคมตั้งข้อครหาว่า เอกชนที่เข้ามาร่วมสนับสนุน พปชร.นั้น หวังผลประโยชน์อะไรในอนาคตหรือไม่ รวมถึงอาจมีการใช้ “นอมินี” บริจาคเงินเข้าพรรค เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายพรรคการเมือง ที่เปิดโอกาสให้บริจาคได้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท/คน/ปี หรือไม่
เรื่องนี้ถูกร้องเรียนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยใช้เวลายาวนานหลายเดือน สุดท้ายมีการตีตกเรื่องนี้ไป เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอว่า มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปร่วมงานจริงหรือไม่ และ พปชร.ส่งรายละเอียดมาถูกต้องตามกฎหมายพรรคการเมือง เป็นอันจบไป
แม้สุดท้าย พปชร.จะไม่ผิด แต่กลายเป็นเงื่อนปมที่ถูกสังคมจับตามอง และวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างมายาวนาน กลายเป็นชนักปักหลังของพรรคไป
มาครั้งนี้ พปชร.จึงรัดกุมอย่างมาก ไม่เปิดเผยแผนผังงานให้ใครเห็น และไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ร่วมงาน-ผู้สนับสนุนงานแม้แต่คนเดียว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุ “ซ้ำรอย” การจัดงานในปี 2561 อีก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจาก “นายทุน” ให้กลับมาอีกครั้ง
แต่บริบททางการเมืองเปลี่ยนไปจาก 4 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง พปชร.ลดขนาดลง เพราะการแยกตัวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ่งที่หลายคนรอดูคือ รายชื่อผู้สนับสนุน พปชร.ครั้งนี้ จะมีใครบ้าง คนที่เคยสนับสนุนเมื่อปี 2561 จะเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน
อีก 30 วันถัดจากนี้ รอดูกัน