“สุวัจน์”ชูนโยบายท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ดึงรายได้เ้ข้าประเทศ
“สุวัจน์”ชูนโยบายท่องเที่ยวของพรรคชาติพัฒนากล้า แกนหลักในการฟื้นฟูและสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ดันรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทต่อปี
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจ 12 ด้านของพรรคชาติพัฒนากล้าในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของชาติ โดยให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนด้านนโยบายท่องเที่ยว เพราะเป็นจุดแข็งของสังคมไทยและสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ทำได้ทันที ทันกับวิกฤติ
ทั้งนี้ ประเทศเรามีความพร้อมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้วในความเป็นเมืองท่องเที่ยว ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างดี ปีนี้อาจถึง 25 ล้านคน เทียบกับ 40 ล้านคนต่อปีก่อนเกิดโควิด เศรษฐกิจในชนบทและเมืองท่องเที่ยวเริ่มกระเตื้องขึ้น
พรรคชาติพัฒนากล้าตั้งเป้าหมายชัดเจนว่า ภายในปี 2024 จะต้องดึงนักท่องเที่ยวกลับมาให้ครบ 40 ล้านคนเหมือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด และหลังจากนั้นจะต้องเติบโตปีละประมาณ 10 ล้านคน เชื่อมั่นว่าภายในปี 2027 คือ เมื่อครบ 4 ปีของอายุรัฐบาลหน้าหรือสภาชุดหน้า อย่างน้อยต้องมีนักท่องเที่ยวเทียบเคียงได้กับจำนวนประชากรของประเทศ ที่ประมาณ 70 ล้านคน หรืออาจทำให้ได้ถึง 80 ล้านคน
โดยจะต้องขยายระยะเวลาการพักอยู่ในประเทศของนักท่องเที่ยวจาก 10 วันเป็น 12 วัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่ายมากขึ้น และจะต้องเพิ่มอัตราการใช้จ่ายต่อวันของนักท่องเที่ยวด้วย จากเฉลี่ยประมาณ 5,000 บาทต่อวันเป็น 6,000 บาทต่อวัน
ถ้าทำได้ตามเป้าหมายนี้ รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มจากที่เคยได้ ประมาณ 2 ล้านล้านบาท ต่อปี จะเพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านล้านบาทภายในปี 2027 หรือประมาณ 30% ของ GDP นโยบายการท่องเที่ยวจึงเป็นนโยบายสำคัญเป็นแกนหลักที่จะต้องขับเคลื่อนให้เกิดการกระตุ้นและสร้างเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างงาน เพื่อสร้างเงิน และกระจายรายได้สู่ชนบทและทุกอาชีพ
โดยมีแนวทางดำเนินการตามนโยบายท่องเที่ยวนี้อยู่ 7 เรื่อง ที่จะต้องผลักดันให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป คือ
1.จะต้องเร่งหาสินค้าด้านการท่องเที่ยว products เพิ่มเติมจากที่เรามีอยู่ เช่นตลาดด้านสุขภาพและเวลเนส ตลาด digital normad ให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างชาติใช้สถานที่ประเทศไทยท่องเที่ยวและทำงานกลับไปบ้านหรือ work from Thailand รวมทั้งการส่งเสริมให้มาเที่ยวเมืองไทยเพื่อความเป็นสิริมงคล เที่ยวตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เรียกกันว่าท่องเที่ยวสายมู
2.เร่งขยายตลาดท่องเที่ยวไปยังประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เช่น อินเดียซึ่งมีความเติบโตทางเศรษฐกิจเกือบ 10% ต่อปีและอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย มีประชากรมาก หรือประเทศตะวันออกกลางซึ่งมีแนวโน้มดีหลังจากที่มีการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งตลาดจากเกาหลีด้วย
3.สร้างจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักในปัจจุบัน คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ สมุย หาดใหญ่ หัวหิน ให้ขยายไปชนบท ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทย ที่มีความหลากหลายทางด้านศิลปวัฒนธรรมและอาหารการกิน ซึ่งเป็นวิถีใหม่ของการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
4.ส่งเสริมให้เมืองไทยเป็น Street Food ของโลก ให้มาทานอาหารอร่อยๆที่เมืองไทย ให้ทุกจังหวัดส่งเสริมให้เกิดย่าน Street food เร่งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆแสดงออกถึงความอร่อยของอาหารไทย ส่งเสริมให้ได้รับมิชลินสตาร์มิชลินไกด์ไปยังทุกจังหวัด เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีความมั่นใจถึงความอร่อยและมาตรฐานของอาหารไทย
5.เร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อกระจายและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าถึงกันและสะดวกปลอดภัย เช่น มอเตอร์เวย์ทุกทิศทั่วไทย สนามบินและสายการบินต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงมารีน่าตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวระดับสูง ห้องน้ำสะอาด มีอารยสถาปัตย์
6.จัดกิจกรรมระดับโลกบนพื้นฐานของความเข้มแข็งของ Soft Power ของไทย คือ ศิลปะวัฒนธรรม กีฬา เช่น มวยไทย เทศกาลอาหาร เทศกาลดนตรี โดยจัดให้อยู่บนปฏิทินท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนไทย
และ 7.การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เรื่องการออกวีซ่า การตรวจคนเข้าเมือง การใช้ระยะเวลาให้น้อยที่สุดก่อนออกจากสนามบิน บริการแท็กซี่ตามแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว การดูแลเรื่องมาตรฐานของราคาและบริการของสินค้าและร้านอาหารต่างๆ การดูแลเรื่องความปลอดภัย ทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ลดอุบัติเหตุ การอำนวยความสะดวกเมื่อนักท่องเที่ยวประสบปัญหาใดๆ
“พรรคชาติพัฒนากล้ามีความมั่นใจในประสบการณ์และบุคลากรของพรรค พวกเราทุกคนจะร่วมกันผลักดันนโยบายดีๆ ในเรื่องเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อคลายทุกข์ คลายกังวล และกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ ให้กลับมามีเศรษฐกิจที่ดีเหมือนเดิม เพื่อความสุขของคนไทยทั้งประเทศ” นายสุวัจน์ ระบุ