“สนธยา คุณปลื้ม” รีโนเวทบ้านใหญ่ ผนึก “เพื่อไทย” แลนด์สไลด์ชลบุรี
“ผมไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เลยครับ ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องจัดการ ไม่ได้ให้น้ำหนักที่ทำให้เรามาอยู่พรรคเพื่อไทย เราคิดในแง่ของการทำงานมากกว่า อันนี้เหมือนปัญหาเล็กๆ ข้างบ้าน"
ในที่สุด “สนธยา” พี่ใหญ่ตระกูลคุณปลื้ม อาศัยมติครอบครัว ตัดสินใจยก “ทีมชลบุรี” หันหลังให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โบกมือลา “3 ป.” กลับบ้านเก่าพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อสร้างบ้านใหญ่ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
เพราะในระยะหลัง “ขุนพล” ค่ายชลบุรี ซึ่งเคยผนึกกำลังกันในยุคสมัยของ “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม สร้างบ้านใหญ่ จนยากที่ใครจะล้มได้ ทว่าเมื่อสิ้น “กำนันเป๊าะ” ก็ไม่ได้หนุน “คุณปลื้ม” รุ่นสองอีกต่อไป แต่หวังเติบใหญ่ ด้วยการสร้างบ้านใหม่เป็นฐานเสียงของตัวเอง
ข่าวคราวความบาดหมางระหว่าง เสี่ยแป๊ะ “สนธยา” กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในทีมบ้านใหญ่ เริ่มเผยออกมาตั้งแต่ต้นปี 2565
รอยร้าวพัฒนามา จนถึงวันแตกหัก “สุชาติ” ยกทีมไปสร้างอาณาจักรของตัวในนาม “พลังเฮ้ง” ส่วน “สนธยา” จำเป็นต้องออกจากพรรคพลังประชารัฐ เข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อรักษาฐานอำนาจทางการเมืองของตัวเอง
“สนธยา” ให้สัมภาษณ์รายการ Nation uncensored ซึ่งออกอากาศผ่านทางเพจเนชั่นสุดสัปดาห์ และยูทูปเนชั่นสุดสัปดาห์ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมได้ตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้ว 1,000% ที่ย้ายมาพรรคเพื่อไทย เราได้พูดคุยกันในกลุ่มพลังชล และทำโพลสำรวจ มาสักระยะหนึ่งแล้ว”
โดยเราทราบถึงปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจ ก่อนมาประมวลผลและดูนโยบายของพรรคการเมืองที่จะสอดคล้องกับการทำงานของเรา โดยครอบครัวของเรามีมติเห็นพ้องต้องกันว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยตอบโจทย์มากที่สุด เราจึงมาเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย
“สนธยา” ยืนยันว่าสมาชิกบ้านคุณปลื้มไม่มีใครแยกไปอยู่พรรคการเมืองอื่น “บ้านเราไม่มีใครจะแตกไปอยู่พรรคไหน เราพูดคุยกันด้วยเหตุผล แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวว่าเราจะแยกทางกัน แต่ตอนนี้ยืนยันว่าไม่มี ส่วนในระดับพื้นที่เราประเมินทุกด้านแล้ว เราสามารถชี้แจงกับประชาชนได้ว่า ทำไมถึงเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย”
ขณะเดียวกัน “สนธยา” ยอมรับว่าการตัดสินใจออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาสังกัดพรรคเพื่อไทย ได้พูดคุยกับ “3 ป.” แล้ว “ผมได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในเรื่องต่างๆ จนสุดท้ายได้กราบเรียนว่า เราตัดสินใจไปพรรคเพื่อไทย”
ส่วนความสัมพันธ์แตกหักกับ “สุชาติ” มีส่วนในการตัดสินใจย้ายพรรคหรือไม่ “สนธยา” อธิบายว่า “ผมไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เลยครับ ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องจัดการ ไม่ได้ให้น้ำหนักที่ทำให้เรามาอยู่พรรคเพื่อไทย เราคิดในแง่ของการทำงานมากกว่า อันนี้เหมือนปัญหาเล็กๆ ข้างบ้าน ตอนนี้เรามาคุยกันแค่ความจริง หรือเรื่องโกหก เราเห็นว่าการทำงานเพื่อตอบโจทย์คนชลบุรีสำคัญกว่า”
เมื่อถามว่า วันวานที่เคยทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร “สนธยา” ระบุว่า “เขาก็เป็นหนึ่งในทีมงานเรา โดยทีมงานเรามีคนมากมาย มอบหมายให้แต่ละคนทำงานในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานร่วมกันของทีมชลบุรีอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องการทำงาน คนที่เราคิดว่าสามารถทำงานได้ เราก็แบ่งหน้าที่กัน สุชาติก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของเรา”
“จริงๆ ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก เพราะผู้ใหญ่พูดกับผมเสมอว่าไม่ต้องสนใจหรอก ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 2565 ผมโพสต์กระทบเขาครั้งแรก เพราะมีผู้ใหญ่บอกว่าให้พูดหน่อย เพราะชักจะมากแล้ว แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร จนมาถึงทุกวันนี้”
เมื่อถามต่อว่าสุชาติ ไม่อยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่ “สนธยา”หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับบ้านใหม่ อย่าไปให้ราคาเลยครับ”
ส่วนการประเมินขุมกำลังสุชาติอย่างไร เพราะในระยะหลังได้สร้างขุมกำลังทางการเมืองพอสมควร “สนธยา” กล่าวว่า “ขุมกำลังเขาวัดกันตรงไหน เขามีปรอทวัดหรือเปล่า หรือจะใช้อำนาจรัฐ เพราะเห็นพูดกันมาก เรื่องการโยกย้ายผู้คน โยกย้ายข้าราชการ แต่อย่าลืมนะว่ามีกฎหมายรองรับว่าข้าราชการให้วางตัวเป็นกลาง ซึ่งข้าราชการที่ดีเขารู้ตรงนี้”
เมื่อถามว่าแสดงว่าบ้านใหญ่ไม่กลัวกลเม็ดใต้ดิน “สนธยา” ตอบทันทีว่า “ผมอยู่กับการเมืองมา 40 ปี ผ่านสนามมาเยอะ พบปัญหามาเยอะ ผมมีประสบการณ์ที่ทำงาน ผมก็จะทำงานเต็มที่”
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะทำพรรคพลังบูรพา “สนธยา”อธิบายว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ตนได้ทำพรรคพลังชลมาก่อน ก่อนจะเข้ามาพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นกรณีพิเศษที่ได้เข้ามาร่วมกัน แต่ในส่วนของพรรคพลังชล เราก็ขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง
“แต่เมื่อกติกาการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป ตอนนั้นเป็นบัตรใบเดียว ทำให้พรรคเล็กมีโอกาสมากกว่า เพราะสัดส่วนคะแนนได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ถือว่าไม่มาก เราก็คิดถึงการทำพรรคพลังชล เนื่องจากพรรคพลังชลเราเคยได้เกือบ 180,000 คะแนน มาครั้งนี้เราอาจจะได้ 350,000 คะแนน แต่เมื่อกติกาไม่เอื้อ เราจึงมองว่าการทำงานกับพรรคการเมืองใหญ่จะเอื้อต่อคนชลบุรีมากกว่า”
สำหรับความสัมพันธ์กับ "สรวุฒิ เนื่องจำนงค์" ส.ส. ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ยังเป็นแม่ทัพ จ.ชลบุรี ให้กับพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้ “สนธยา” กล่าวว่า “สำหรับคุณสรวุฒิ ถ้านับจริงๆ เขาเป็นญาติกับผม เป็นสายเขยกันกับพ่อผม เหมือนเขยพี่เขยน้อง ซึ่งคุณสรวุฒิเป็นนักการเมืองที่ดี มีคุณภาพคนหนึ่ง แต่เวลาอาจจะอยู่ในเวลาที่ยังไม่ตกผลึกในการมาทำงานร่วมกัน แต่ยังไงเราเป็นนักการเมืองเหมือนกัน”
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยจะสู้กันทุกเขตหรือไม่ เพราะมีการวิเคราะห์ว่าอาจจะหลบพื้นที่กัน “สนธยา” กล่าวว่า “การเมืองพอเข้าสู่สนามก็ต้องเต็มที่กันทุกฝ่าย คุณพ่อเคยบอกว่า การเมืองแข่งก็แข่งกันไป แต่อย่าไปทะเลาะกัน ยังไงก็ยังเป็นพวกกัน เรื่องทางการเมืองเราแข่งขันกัน แต่แข่งกันเสร็จมันก็จบ พอจบเราก็มีโอกาสมาทำงานร่วมกัน”
เมื่อถามว่า เมื่อแข่งขันการเมืองจบ มีโอกาสจะทำงานร่วมกับสุชาติ ชมกลิ่น หรือไม่ “สนธยา” ตอบกลับทันทีว่า “เอ่อ...อันนั้นไม่ใช่การเมืองครับ เราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว ก็ว่ากันไป เขาก็อยู่ของเขา การเมืองต่างพรรคก็ต้องแข่งกัน”
ก้าวต่อไปทางการเมืองของ“บ้านใหญ่ชลบุรี”จากปากของเบอร์หนึ่ง“ตระกูลคุณปลื้ม” ในวันที่ต้องรักษาฐานการเมืองใน จ.ชลบุรี ให้กลับมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน เมื่อถูกบ้านใหม่“พลังเฮ้ง”ท้าทาย