“บิ๊กตู่-บิ๊กน้อย”วัดบารมีอีกรอบ? จากเก้าอี้ ผบ.ทบ. สู่ “นายกฯ”
หาก “บิ๊กป้อม” พ่ายแพ้ต่อสังขารตัวเอง จะส่งผลให้ “บิ๊กน้อย” ไต่ระดับจากที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือ“บิ๊กป้อม”จะเลือกดัน “พล.อ.ประยุทธ์”เป็นนายกฯ อีกสมัย ไม่ต่างกับเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ที่สนับสนุนให้เป็น ผบ.ทบ.
การช่วยเหลือเกื้อกูลครั้งก่อนที่ “ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” มีต่อ เจ้าพ่อวังน้ำเย็น “เสนาะ เทียนทอง” และ เฉลิม อยู่บำรุง กลายเป็นความสัมพันธ์เชื่อมต่อมาสู่ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ปัจจุบันได้ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน หวนกลับสู่บ้านเก่าในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
การกลับ พปชร.ครั้งนี้ “บิ๊กน้อย” ไม่ได้มาตัวเปล่าแต่หอบ 17 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เกรดเอที่คัดมาแล้วจากพรรครวมแผ่นดินมาสู้ศึกเลือกตั้งช่วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. พร้อมการันตี 17 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะได้ เป็น ส.ส.ทั้ง 17 คนอย่างแน่นอน
ประจวบเหมาะกับกระแสขาขึ้นของ “บิ๊กป้อม” หลังได้รับการคัดเลือกเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” หากเทียบกับก่อนหน้านี้ พปชร.อยู่ในช่วงซบเซาจากปัญหาภายใน อย่าว่าแต่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แค่จะผ่านเส้นตาย ส.ส.25 ที่นั่งหืดยังขึ้นคอ แต่ตอนนี้ 120 ที่นั่งผ่านฉลุย แถมมี “บิ๊กน้อย” กับ 17 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรครวมแผ่นดินเข้ามาเสริมทัพ
ส่วน “บิ๊กป้อม” ก็แฮปปี้ ได้น้องรักกลับมาช่วยงานการเมืองเต็มตัวหลังชักชวนอยู่หลายครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ด้วยสถานภาพยังเป็นหัวหน้าพรรคร่วมแผ่นดิน ทำให้ “บิ๊กน้อย” มีข้อจำกัดทำได้เพียงการช่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยเท่านั้น
เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มนักการเมืองสายมู ได้เดินทางไปพบซินแสชื่อดัง เพื่อดูดวงคนที่จะเป็นนายกฯคนที่ 30 ปรากฏว่ามี 3 คนที่เข้าข่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ส่วน “บิ๊กป้อม” มีอุปสรรคเรื่องสุขภาพ
เป็นที่รู้กันว่า “บิ๊กป้อม” เคยเข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมาแล้ว เมื่อปี 2560 ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ต้องเดินทางไปตรวจเช็คร่างกาย ช่วงเดือนเมษายนเป็นประจำทุกปี ที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่งในต่างประเทศ
ปัจจุบันแม้ภายนอก “บิ๊กป้อม” จะฟิตแอนด์เฟิร์ม ลงพื้นที่หาเสียงเป็นว่าเล่นในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พปชร. ตามสโลแกน ใจบันดาลแรง ตามที่ได้พูดไว้ในงานระดมทุนพรรคเมื่อ 30 ม.ค.ในตอนหนึ่งว่า
“เนื่องจากสังขารผมมันร่วงโรยมามาก ต้องอาศัยจิตใจ ต้องเอาใจบันดาลแรง เพื่อให้มีกำลังใจ มีแรงทำงานต่อไป ทำให้ใจมาก่อน แล้วแรงมาทีหลัง ซึ่งตอนพูดไปก็รู้สึกใจฟู ซึ่งวันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว ผมพร้อม พร้อมที่จะเป็นนายกฯ แต่อยู่ที่คนเลือกนะครับ”
ทั้งนี้ หากวัดกันที่สภาพจิตใจก็เรียกได้ว่า “บิ๊กป้อม” ฮึดสู้เต็มที่ แต่ประเด็นอยู่ที่ สภาพร่างกายจะเอาด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เจ้าตัวน่ารู้ดีกว่าใคร ซึ่งหากไม่เป็นอุปสรรคในอนาคต สามารถรองรับภาระหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯได้ ก็คงไร้ปัญหา
ในทางตรงกันข้าม หากสังขารไม่เอื้ออำนวย คาดกันว่า “บิ๊กน้อย” น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ “บิ๊กป้อม” เล็งไว้ เพราะหากดูตามโพรไฟล์ ทั้งชีวิตรับราชการและความสัมพันธ์กับนักการเมืองก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร โดยเฉพาะหากต้องจับมือกับ“เพื่อไทย” ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว
ส่วน “บิ๊กน้อย” ถูกจับตามาตั้งแต่นั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์ พปชร. เมื่อปีที่แล้ว ว่าจะเป็นทายาทการเมืองของ “บิ๊กป้อม” ในขณะนั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่า เข้ามาเพื่อตีกัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้รุกคืบยึด พปชร.เนื่องจากปี 2553 เคยมีชื่อเป็นคู่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ด้วยกันมา
แต่สถานการณ์ในตอนนั้น “บิ๊กป้อม” ที่นั่งเป็น รมว.กลาโหม ได้ไฟเขียวให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. กับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินกว่าคำว่าพี่น้อง
ต่างกับปัจจุบันที่ความสัมพันธ์ตกอยู่ในสภาวะคลุมเครือ ว่าแท้จริงแล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “บิ๊กป้อม” แตกคอกันจริง จนต้องแยกพรรค แยกก๊วน หรือเป็นเพียงกลเกมชิงความได้เปรียบทางการเมือง
และการหวนคืน พปชร. ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หลังเข้าไปกราบขอโทษ “บิ๊กน้อย” อยู่หลายรอบ เพื่อลบล้างปัญหาที่ค้างคาใจกันก่อนหน้านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญว่า
สุดท้ายหาก “บิ๊กป้อม” ต้องพ่ายแพ้ต่อสังขารตัวเอง จะส่งผลให้ “บิ๊กน้อย” ไต่ระดับจากที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามคำทำนายของซินแสชื่อดัง หรือ“บิ๊กป้อม”จะเลือกดัน “พล.อ.ประยุทธ์”เป็นนายกฯ อีกสมัย ไม่ต่างกับเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ที่สนับสนุนให้เป็น ผบ.ทบ.
ปริศนาเหล่านี้จะคลี่คลายหลังการเลือกตั้งใหญ่นี้