เจาะไฮไลท์"อภิปราย"นัดไฟนอล โหมโรง"สมรภูมิเลือกตั้ง"เดือด

“ผมยังเชื่อว่าการอภิปรายจะทำได้ เพราะไม่มีเหตุผลที่องค์ประชุมจะไม่ครบ แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา ไม่มีฝ่ายใดที่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้” นายชวน กล่าว

ประโยคเด็ดจากปาก “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ตอกย้ำถึง“กลเกมสภา” ที่ยามนี้อยู่ในสภาวะวิกฤติ เกิดเกมป่วนไม่เว้นแต่ละวัน

เช่นนี้ต้องจับตาไปที่ศึกอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในวันที่ 15-16ก.พ. ซึ่งถือเป็นการอภิปรายนัดไฟนอล ส่งท้ายสภาและรัฐบาล เชื่อได้เลยว่าต่างฝ่ายต่างงัดสารพัดกลยุทธ์ชิงไหวชิงพริบกันดุเดือดอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นการอภิปรายนัดไฟนอล แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของฝ่ายค้านรอบนี้ ไม่ใช้แค่ “ขยี้แผล” เหมือนทุกครั้ง หากแต่มีเดิมพันสูงลิบไปถึงการ “กระชากหน้ากากคนดี”  ตามที่ชื่อญัตติที่มีการเสนอ ล็อกเป้าบรรดา “บิ๊กเนม” และคีย์แมนคนสำคัญในขั้วรัฐบาล 

เบอร์หนึ่งหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ยามนี้มีอีกหนึ่งสถานะ คือสมาชิกและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ 

โดยเฉพาะสาระพัดปมฉาว “แวดวงสีกากี” ภายใต้กำกับดูแลโดยตรง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเกิดปรากฎการณ์สั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

โยงไปถึงคดีดัง โดยเฉพาะคดี “ตู้ห่าว”นายทุนจีนเทา ที่มีการโยงไปถึงคนนามสกุลเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์

ไม่ต่างจากแวดวง “ข้าราชการพลเรือน” ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนส่งท้ายปี 2565 ด้วยการบุกจับ "รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา" อธิบดีกรมอุทยานฯ คาห้องทำงาน ลามไปถึงสายสัมพันธ์ของ “บิ๊กข้าราชการ” ผู้นี้ ในฐานะน้องชาย “บิ๊กทหาร” เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนท่าที หลังเกิดเหตุที่มีการเซ็นคำสั่งโดยนายกฯ เพียงแค่ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯรัฐมนตรีเท่านั้น ท่ามกลางคำถามถึงความหนักเบาของบทลงโทษว่ามีมากน้อยเพียงใด 

ก่อนที่ต่อมา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนหลังตรวจสอบพบความผิดที่ชัดแจ้งในท้ายที่สุด

อีกหนึ่งปมร้อน ที่ดูเหมือนว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกมาเพื่อสั่นคลอนเก้าอี้นายกฯ ในฐานะรมว.กลาโหมหนีไม่พ้นประเด็นการใช้งบประมาณของกองทัพ ซึ่งมีการหยิบยกมาเป็นประเด็นอภิปรายในทุกๆ นัดที่ผ่านมา

โยงไปถึง “โศกนาฏกรรม” เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง ส่งผลให้มีกำลังพลเสียชีวิตกว่า 20 นาย ขณะที่อีก 5 นายจนถึงเวลานี้ ยังอยู่ในสถานะผู้สูญหาย 

หลากหลายปมร้อนเหล่านี้ ฝ่ายค้านจองกฐินอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ในรอบนี้อย่างแน่นอน

ไม่ต่างจาก “ป.พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยามนี้โชว์ลุค “ทรงอย่างแบด” ลงพื้นที่แบบถี่ยิบ รอบนี้อาจติดโผที่ฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปราย

โดยเฉพาะประเด็นการเอื้อประโยชน์คนใกล้ชิด รวมถึงการใช้ทรัพยากรของทางราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานที่กำกับดูแลในลักษณะหวังผลเพื่อการหาเสียง 

อีกหนึ่งปมร้อนที่ต้องจับตาคือประเด็นที่มีการโยงไปถึง “นายทุนพปชร.”  ซึ่งก่อนหน้ามีการเปิดชื่อของ “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” หรือ “ตู้ห่าว” ที่ยามนี้ตกเป็นผู้ตกหาในคดียาเสพติดรวมอยู่ด้วย

ขณะเดียวกัน ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย รอบนี้ฝ่ายค้านพยายามโหมโรงที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ทั้งประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่ หน่วยงานที่กำกับดูแลในลักษณะหวังผลเพื่อการหาเสียง โดยเฉพาะล่าสุด คือกรณีที่ปรากฏป้ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าโรงพยาบาล และหน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ

ขณะที่อีกหนึ่งปมร้อน หนีไม่พ้นกรณีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ แพทย์ชนบท ที่มีการพุ่งเป้าไปที่อนุทินในฐานะเสนาบดีกระทรวงแบบเต็มๆ 

ไม่ต่างจาก “รัฐมนตรีโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ซึ่งฝ่ายค้านจั่วหัวไว้ก่อนหน้าในประเด็น “ภาคต่อ”การถือครองที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โยงไปสู่นิติกรรมอำพราง และประเด็นการฮั้วประมูลโครงการของกระทรวงคมนาคม

เช่นเดียวกับอีกหนึ่งปมร้อนที่จ่อสังเวียนสภารอบนี้ คือ ภาคต่อกรณี “ถือหุ้น” หจก.บุรีเจริญ ซึ่งถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเมื่อเดือน ก.ค.2565 ที่ผ่านมา ก่อนหน้าฝ่ายค้านได้ยื่นคำร้องผ่านประธานสภา เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติของ รมว.คมนาคม ผู้นี้ 

อีกนัยหนึ่งกล่าวได้ว่า การอภิปราย “2 คีย์แมน” ค่ายสีน้ำเงินรอบนี้ ไม่ต่างอะไรจากเกมเอาคืน “พลังดูด” ค่ายสีน้ำเงิน ของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เป็นคู่แข่งสำคัญ 

ขณะที่อีกหนึ่งผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล ที่คาดว่าน่าจะถูกพูดถึง หนีไม่พ้น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมราคาสินค้า แก้ปัญหาปากท้อง หวังผลไปถึงชูนโยบายปากท้องที่สารพัดพรรคการเมืองพยายาม “เกทับ-บลัฟแหลก” อยู่ ณ เวลานี้ 

ขณะที่อีกหนึ่งปมร้อนที่มีการพุ่งเป้ามาที่ "ค่ายสีฟ้า" หนีไม่พ้น กรณีที่ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ "  ออกมาเปิดเผยความเชื่อมโยงเครือข่ายพนันออลนไลน์ มาเก๊า 888 ของพี่น้อง4บ. ที่พบ "เอกชัย ขจรบุญถาวร"  หรือ "บอส"  เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ปี 2562 

แม้ภายหลังฝั่งปชป.จะออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว ยืนยันขณะนี้ "บอส มาเก๊า888" ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคขณะที่กระบวนการคัดเลือกรวมถึงการตรวจสอบคุณสมับัติผู้สมัครเป็นไปตามที่กฎหมายระบุทุกประการ

ทว่าประเด็นนี้ก็อาจเป็นประเด็นสบส่องที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกมาอภิปรายเพื่อขยี้แผลในสภาเป็นได้

หลากหลายประเด็นที่มีการหยิบยกมาเป็นเพียง “ออเดิร์ฟ” เรียกน้ำจิ้มเท่านั้น ชอตเด็ดจริงๆ ต้องไปลุ้นที่เวทีอภิปราย ที่ล่าสุดเริ่มมีกระแสล็อบบี้จากบางพรรค งัดเกม “ล่มประชุม”  ขณะที่ประธานสภาฯ ถึงขั้นเอ่ยปากเรื่องการคุมเสียงยามนี้ต่างฝ่ายต่างคุมไม่อยู่ 

การอภิปรายรอบนี้ แม้ไม่ได้จบลงที่การลงมติเพื่อสั่นคลอนเก้าอี้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นสังเวียนไฟนอลที่ไม่ต่างอะไรกับการโหมโรง เพื่อช่วงชิงคะแนนนิยมในสมรภูมิเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 

24 ชั่วโมงนับจากนี้ต้องจับตา เชื่อได้เลยว่า สังเวียนสภานัดไฟนอลมีทั้งเกมป่วน-เกมเดือด แบบครบรสแน่นอน!