“ทวี” ถล่มต่อสัญญาBEM-เขากระโดง อัด “นายกฯ-ศักดิ์สยาม” ปล้นสมบัติแผ่นดิน
“ทวี” ชำแหละคมนาคม อัดต่อสัญญาBEM 15ปี ปล้นสาธารณะสมบัติ-รีดเอาทรัพย์ประชาชน จี้นายกฯ-ครม. เรียกคืนที่ดินเขากระโดง อัดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ด้าน “ส.ส.ภท.” ประท้วงวุ่น
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายตั้งข้อสังเกตไปยังนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยสืบเนื่องจากกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่18ก.พ.2563 มีมติเห็นชอบร่างสัญญาระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ขั้นที่2 ออกไปอีก15ปี8เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างกัน
โดยนายทวี กล่าวว่า ครั้งนี้ผมจะชี้หน้ากากคนดีครั้งนี้ว่า เป็นการปล้นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน เป็นการขโมยเงินหลวงและเป็นการรีดเอาทรัพย์กับประชาชน จากปฐมบทดังกล่าวได้มีประชาชนไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง
ก่อนที่ต่อมา2มี.ค2564 ศาลปกครองสูงสุดจะมีการรับฟ้องและมีคำวินิจฉัย ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง6คน คือคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายอันมีผลบังคับให้หน่วยงานต้องปฏิบัติตามมิใช่เป็นการกำหนดแนวทางภายในตามแนวทางการปกครอง
การใช้อำนาจมีทำให้โครงการทางด่วนต้องตกเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ขณะที่ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภควันนี้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ขณะที่รัฐบาลมีการเอาทรัพย์สินกว่าแสนล้านไปประนีประนอม ทั้งที่สำนักงานตรวจเงินแผ้นดิน(สตง.)ได้ระบุไว่อย่างชัดเจนว่าการประนีประนอมเป็นการยอมรับสภาพหนี้ ถือเป็นการใช้ตรรกะวิบัติ
ขณะที่ศาลฎีกายังเคยพิพากษาไว้ว่าการดำเนินการดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยไม่สุจริต
การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรวมถึงครม.จึงไม่ได้นึกถึงความผาสุขของประชาชน เป็นการใช้อำนาจทางการปกครองเบ็ดเสร็จ ใช้อำนาจแฝงโดยไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
ขณะที่ประเด็นที่ดินทำกินตนและส.ส.เคยเสนอแก้ไขร่างพ.ร.บอุทยานแห่งชาติแต่นายกฯกลับไม่รับโดยอ้างว่าเป็นกฎหมายการเงิน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยเฉพาะในหมวดปฏิรูประบุอย่างชัดเจนจะต้องมีกระจายในเรื่องการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม
สิ่งที่ต้องการสะท้อนให้เห็นตนเป็นกมธ.งบ2565 การรถไฟได้มีชี้แจงงบประมาณ โดยพบว่า สตง.ได้ชี้แจงว่าทรัพย์สินของการรถไฟไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน69.19ไร่ ที่ไม่ได้ใช้ไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของนายทวี ได้มีส.ส.พรรคภูมิใจไทยอาทินายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทยได้ลุกขึ้นประท้วงเนื้องจากเห็นว่าเป็นการอภิปรายซ้ซากและมีการอภิปรายไปแล้วแทบทุกครั้ง
โดยนายศุภชัย โพธิสุ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้วินิจฉัยให้พพ.ต.อ.ทวี อภิปรายต่อเนื่องจากเห็นว่าแม้จะเป็นเรื่องเก่าแต่สามารถพูดได้หากไม่ได้ข้อยังคับการประชุม
พ.ต.อ.ทวียังกล่าวว่า สิ่งที่อยากถามไปยังนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เป็นการบริหารราชการร่วมกันว่า ทำไมรัฐมนตรีคมนาคมจึงไม่ปฏิบัติแล้วบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดทั้งที่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าเป็นสาธารณะของแผ่นดินแต่กลับไม่ไม่มีการระบุในระบบราชการ
“สิ่งที่คณะรัฐมนตรีต้องทำคือต้องทำตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายสิ่งที่รัฐมนตรีและครม.ต้อไม่ทำคือต้องไม่ทุจริต ต้องไม่ดำเนินการที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องไม่เห็นประโยชย์ส่วนตัวสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนรวม”
ทำให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยได้ลุกขึ้นประท้วง โดยเห็นว่าสิ่งที่พ.ต.อ.ทวี เป็นการอภิปรายวกวนซ็ซากกับเรื่องที่อภิปรายไปแล้งเชื่อว่าเรื่องเขากระโดงรมว.คมนาคมจะตอบได้แต่อยากให้ประธานทำหน้าที่ควบคุมอย่างเคร่งครัด ในที่ประชุมแห่งนี้เราจะใช้เรื่องอัตวิสัยไม่ได้ แต่ต้องใช้ภาวะวิสัย เราจะเอาเรื่องสติปัญญามาใช้ไม่ได้เราต้องใช้มาตรฐานวิญญูชน
แต่นายศุภชัย ในฐานะประธานการประชุม ยืนยันว่า การอภิปรายเรื่องเดิมสามารถทำได้หากไม่ได้ผิดข้อบังคับ
พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าการอภิปรายของตนเป็นเรื่องใหม่และเป็นข้อมูลที่การรถไฟส่งมาให้ตนเอง เรื่องการทุจริตของรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่ดินกว่า5พันไร่ได้หายไป
ตนจึงอยากสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพราะจนถึงขณะนี้ยังพบว่ามีรัฐมนตรีในรัฐบาลบางคนไปรุกที่สปก.กว่า1พันไร่
“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อศาลมีคำตัดสินแต่กลับไม่ดำเนินการตามที่ศาลตัดสิน”