ไทยสร้างไทย จี้ กกต.ทบทวน หลังยกเลิกนับคะแนนเรียลไทม์ หวั่นบัตรเขย่ง
เลขาธิการไทยสร้างไทย จี้ กกต.ทบทวนระเบียบ หลังยกเลิกนับคะแนนแบบเรียลไทม์ หวั่นปมบัตรเขย่งปี 62 เชื่อหลังปิดหีบ วุ่นวาย ส่อเกิดทุจริต
น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง ราชกิจจานุเบกษาที่ได้เผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ลงนามโดย ประธาน กกต. ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นการยกเลิกระเบียบเดิมที่เคยใช้มาเมื่อปี 2561 โดยอ้างว่ากติกาการเลือกตั้งเปลี่ยนไป ก็ต้องออกระเบียบใหม่ที่สอดคล้องกัน
ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่า ในส่วนที่ 2ของหมวดที่ 6 ซึ่งเดิมกำหนดให้สำนักงาน กกต. มี แอปพลิเคชัน รายงานผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ประชาชนโดยทั่วไป สามารถทราบคะแนนเป็นรายนาที และสามารถนำมาเช็คกับผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่ประกาศโดย กกต. ว่าคะแนนที่ได้ออกมาสมเหตุสมผล และมีความโปร่งใสน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่การรายงานผลแบบเรียลไทม์นี้กลับถูกยกเลิกไปด้วย ทำให้ พี่น้องประชาชน รวมถึงผู้สมัครของพรรคการเมืองต่างๆ ไม่สามารถทราบข้อมูลการนับคะแนนจากทาง กกต.ได้เลย จนกว่ากรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะประกาศผลการเลือกตั้งลงในเว็บไซต์ของ กกต.หลังผ่านไป 5วันแล้วใช่หรือไม่ เพราะจากระเบียบใหม่ จะมีเพียง ในส่วนที่ 1 ของหมวด ที่9ที่ได้วางแนวทาง การรวมผลการนับคะแนนเลือกตั้งไว้
ตนเห็นว่าระเบียบต่างๆ รวมถึงวิธีการที่ใช้ประกอบการเลือกตั้ง ที่ กกต.ได้กำหนดมาหลายอย่าง อาจนำมาซึ่งข้อสงสัยถึงความเที่ยงธรรม ไม่ว่าการสลับพื้นที่แต่ละเขตเลือกตั้ง จน ส.ส.แบบแบ่งเขต แทบจะกลายเป็น ส.ส.แบบแบ่งแขวง การนับบุคคลต่างด้าวซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้งมารวมเป็นประชากรในการแบ่งเขต รวมถึงการยกเลิกระเบียบข้อบังคับต่างๆในครั้งนี้ อาจเอื้อประโยชน์ให้บางพรรคการเมือง และอาจเปิดช่องให้มีการทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้
ซึ่งการจัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น จนถึงการประกาศผลอย่างเป็นทางการ เป็นหน้าที่ของ กกต. หาก กกต.สร้างข้อกังขาให้กับประชาชนตั้งแต่ขั้นตอนการออกระเบียบ ในท้ายที่สุดการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจมีข้อครหา คล้ายกับการเลือกตั้งปี 62 ที่เกิดกรณีบัตรเขย่ง และจะเกิดข้อสงสัยมากกว่าเดิม
ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว เพื่อคลายความกังวลของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้การทำงานของพรรคการเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่หากหน่วยงานที่รับผิดชอบยังปล่อยให้เกิดการกำหนดกติกาในลักษณะเช่นนี้ออกมาใช้บังคับ ก็จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความโปร่งใส โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่