ตะลุยสนามกอล์ฟ “ประยุทธ” คดีออกเอกสารสิทธิมิชอบ มี.ค.ลุ้น อสส.ชี้ขาด
ป.ป.ช.พาสื่อตะลุยสนามกอล์ฟ “เมาท์เท่น ครีก” อาณาจักรธุรกิจ “มหากิจศิริ” อัพเดตคดีสนับสนุน จนท.รัฐ ออกเอกสารสิทธิมิชอบ นำที่ดินในเขตป่าสงวน-ป่าไม้ถาวร-ส.ป.ก.มารังวัดเพิ่ม 189 ไร่ จาก 2 พันกว่าไร่ เผยคณะทำงานร่วมฯเห็นพ้องควรสั่งฟ้อง ลุ้น มี.ค. 66 อสส.ชี้ขาด
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักไต่สวนฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.นครราชสีมา พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ในส่วนของสนามกอล์ฟ “เมาท์เท่น ครีก” หรือ Mountain Creek ถ.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของโรงงานเนสกาแฟ กรณีถูกกล่าวหาฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ มีการรังวัดที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ จากเนื้อที่สนามกอล์ฟทั้งหมด 2,304 ไร่
โดยการลงพื้นที่ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบภายหลังการชี้มูลดังกล่าว เพื่อให้เห็นว่าที่ดินส่วนใดบ้างที่เป็น ส.ป.ก. และส่วนใดที่เป็นของเอกชน โดยปัจจุบันเอกชนมีการคืนพื้นที่ดังกล่าวให้แก่ ส.ป.ก. แล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของ ส.ป.ก. ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้กลับมาเป็นของรัฐต่อไป
สำหรับข้อกล่าวหาของ “ประยุทธ” แบ่งเป็น 2 สำนวน คือ
1.การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ โดยใช้หลักฐานจาก น.ส.3 ก. เลขที่ 2563 ให้แก่นายประยุทธ มหากิจศิริโดยมิชอบ
2.การออกเอกสารสิทธิทำสนามกอล์ฟที่ จ.นครราชสีมา โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลทางการเมือง จากพยานหลักฐานพบว่า มีการรังวัดที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ ในสนามกอล์ฟทั้งหมดเนื้อที่ 2,304 ไร่ ของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) ที่เคยมีนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการ
พฤติการณ์ของนายประยุทธ ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. และการแถลงข่าวจากนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ว่า มีการนำที่ดินของรัฐ ประกอบด้วยที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น และป่าไม้ถาวร ป่าปากช่องหมูสี รวมถึงเขตที่ดิน ส.ป.ก. นำมารวมในการรังวัดเขต ทำให้มีเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ โดยมีจุดประสงค์รวมที่ดินกันเป็นแปลงเดียวเพื่อสร้างสนามกอล์ฟ
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า โฉนดที่ดินที่กลุ่มของนายประยุทธ มหากิจศิริ กว้านซื้อเพื่อทำสนามกอล์ฟมีจำนวนรวม 2,304 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินตามโฉนดที่ดิน 1,684 ไร่ ที่ดิน น.ส.3 ก. 431 ไร่ และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ 189 ไร่ โดยที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิเหล่านี้ พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวร และเขต ส.ป.ก.
สำหรับเรื่องแบ่งเป็น 3 กรณีย่อย ได้แก่ 1.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเคยปรากฏชื่อนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริหาร เป็นผู้ซื้อ
2.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด (ของตระกูลมหากิจศิริ) มีการซื้อที่ดิน และขอรังวัดแนวเขตที่ดินใหม่ เพื่อนำไปสู่การขอออกโฉนดใหม่ โดยพบว่า มีการนำที่ดินนอกหลักฐานมารวมกันที่ดินตัวเอง ทำให้ที่ดินมีเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น
3.ที่ดินที่มี น.ส.อุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ) เป็นผู้ซื้อ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิด เจ้าพนักงานที่ดิน อ.สีคิ้ว กับพวก ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 รวมถึงชี้มูลนายประยุทธ มหากิจศิริ กับพวก และกลุ่มเอกชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย
อ่านข่าว: พฤติการณ์“ประยุทธ มหากิจศิริ”ป.ป.ช.ฟันออกเอกสารสิทธิมิชอบ-ทำสนามกอล์ฟ
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายประยุทธ กับพวกดังกล่าวแล้ว ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) โดย อสส.มีมติแต่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดี ระหว่างฝ่ายผู้แทนอัยการ และฝ่ายผู้แทน ป.ป.ช. โดยล่าสุดคณะทำงานฯ มีมติเห็นพ้องกันว่า เห็นควรสั่งฟ้องนายประยุทธคดีดังกล่าว และนำเสนอเรื่องถึง อสส.เพื่อชี้ขาดแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงเดือน มี.ค. 2566
อย่างไรก็ดี นายประยุทธ มหากิจศิริ ทำเอกสารชี้แจงสื่อ ภายหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจำนวน 2 สำนวนดังกล่าว ยืนยันว่า ไม่เคยสนับสนุนให้กระทำผิด โดยที่ จ.นครราชสีมา คืนที่ดินบางส่วนในสนามกอล์ฟตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินแล้ว ส่วนที่ จ.กระบี่ยังไม่เคยทำประโยชน์อะไร พร้อมสู้ตามกระบวนการกฎหมาย
อ่านข่าว: "ประยุทธ"ปัดเอื้อ จนท.รัฐ! ปมถูก ป.ป.ช.ชี้มูลออกเอกสารสิทธิมิชอบ
สำหรับ “ประยุทธ์ มหากิจศิริ” ก่อนหน้านี้เคยถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดสมัยเป็น ส.ว. เมื่อปี 2540 กรณีถูกกล่าวหาว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จมาแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญ (มีอำนาจในการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ขณะนั้น) มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2544 ยืนยันว่านายประยุทธ ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯอันเป็นเท็จ และสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
ขณะที่ขุมข่ายธุรกิจของตระกูล “มหากิจศิริ” เท่าที่ตรวจสอบพบ ทั้งนายประยุทธ น.ส.อุษณีย์ มหากิจศิริ บุตรสาวคนโต นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ (กึ้ง) บุตรชายคนกลาง และ น.ส.อุษณา มหากิจศิริ บุตรสาวคนเล็ก พบว่าเป็นกรรมการร่วมกันนับร้อยบริษัท รวมทุนจดทะเบียนทุกบริษัทนับหมื่นล้านบาท
อ่านข่าว: ผ่าอาณาจักรหมื่นล.“มหากิจศิริ”-ป.ป.ช.ฟัน“ประยุทธ”ออกเอกสารสิทธิมิชอบ?
นอกจากนี้เมื่อปลายปี 2561 นายประยุทธ มหากิจศิริ ปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาคงานระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นกระบวนการขั้นต้น ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาสามารถต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ ดังนั้นจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่