2 ป. เร่งเกม เลือกตั้ง "ป้อม" ตาสว่าง สลัดคราบอิลิท
เวลานี้ ป.ป้อม ขยับ สลับขั้วทางความคิดเรียบร้อย ส่วน ป.ประยุทธ์ ยังคงอยู่ในจุดเดิม เป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น
เวทีปราศรัยที่โคราชล่าสุดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โชว์ตัว ดูมียุทธศาสตร์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังเปิดมอตโต้ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” อาศัยโอกาสนี้รีวิวผลงานรัฐบาลไปในตัว
หลายเรื่องที่ทำแล้ว ประยุทธ์ แจกแจงให้คนอีสานเห็น ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานต่างๆมอเตอร์เวย์ รถไฟเร็วสูง รถไฟทางคู่ รวมถึงการตัดเส้นทางรถไฟสายใหม่ บ้านไผ่-นครพนม354 กม. ผ่าน 6 จังหวัด ที่ไม่เคยมีรถไฟผ่านมาก่อน แม้ต้องรออีกหลายปีกว่าจะเสร็จก็ตาม
แล้วยังไม่พลาดปล่อยหมัดตรงทิ่มคางพลังประชารัฐ ที่ชิงปาดหน้ายึดบัตรประชารัฐ เป็นของตัวพร้อมท็อปอัพเป็น 700 บาท ต่อเดือน งานนี้ ประยุทธ์ รวมไทยฯ เกทับทันที ตั้งชื่อใหม่เป็น “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส” และจะเพิ่มให้เป็น 1,000 ต่อเดือน และยังจองสิทธิเรียกบัตรนี้ว่าบัตรลุงตู่ไว้กับตัวอีกด้วย
จะเห็นว่า บัตรสวัสดิการฯ มีอานุภาพในการหาเสียงเลือกตั้งขนาดไหน พรรคพี่ พรรคน้อง อย่างพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ต่างแย่งชิงจับจองเป็นเจ้าของกันจ้าละหวั่น
นอกจาก พลังประชารัฐ จะเป็นคู่ต่อสู้โดยตรงของ รวมไทยสร้างชาติ แล้ว ประชาธิปัตย์ ก็เป็นอีกพรรคที่ต้องฟาดฟันกันด้วย ประยุทธ์ เลยปล่อยหมัดฮุกไปที่นโยบายประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ที่เป็นกล่องดวงใจพรรคเก่าแก่
ทั้งที่รู้ว่าโครงการนี้ใช้เงินมหาศาล แต่ประยุทธ์ ก็ต้องยอมเป็นเบี้ยล่างประชาธิปัตย์ มาหลายปีเนื่องจากนโยบายนี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขร่วมรัฐบาล
เมื่อจังหวะใกล้ครบเทอม เตรียมเลือกตั้ง ประยุทธ์ ก็ไม่มีอะไรต้องแคร์อีกต่อไป สะท้อนผ่านการพูดบนเวทีโคราชว่า จะผุด “กองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร” ขึ้นมาแทน เพราะ “ประกันราคาอย่างเดียวหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน”
อีกทั้งยังพยายามสร้างแรงจูงใจโหวตเตอร์กลุ่มใหญ่ของประเทศ ด้วยการหาเสียงจะท็อปอัพเงินอุดหนุนต้นทุนทำการเกษตร จาก 700 เป็น 2,000 บาท อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า จังหวะใกล้เลือกตั้ง ประยุทธ์ เองก็เร่งฝีเท้าอย่างหนัก เพื่อเป้าหมายทำต่อ แม้ต้องขับเคี่ยวกับบรรดาพี่น้อง หรือคนกันเองก็ตาม
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งออกมาให้ความเห็นถึงแนวทางหาเสียงของพรรค ที่ชูประเด็นก้าวข้ามความขัดแย้ง เวลานี้ดูเหมือนจะตาสว่าง ตกผลึกกับปัญหาบ้านเมือง ว่า สาเหตุหลักมาจาก กลุ่มอิลิท ที่พยายามเข้าสู่อำนาจด้วยวิธีพิเศษ ฝ่ายอำนาจนิยม ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาสู้ ก็พ่ายแพ้ฝ่ายเสรีนิยมทุกครั้ง
“ความสามารถของกลุ่มอิลิท ทำให้ประชาชนศรัทธาได้ไม่เท่ากับนักการเมือง ที่คลุกคลีกับชาวบ้านจนได้รับความรัก ความเชื่อถือมากกว่า” ประวิตร ระบุ
จับท่าที ประวิตร แล้ว ดูเหมือนกำลังเฟดตัวออกจากเครือข่ายอิลิท หรืออำนาจนิยม มาเป็นพวกเสรีนิยมหรือไม่ เพราะบางประโยคที่อธิบายเรื่องนี้ ของ ป.ป้อม ก็ยอมรับว่าตอนเป็นทหาร ก็มีแนวคิดแบบอิลิท แต่พอเป็นนักการเมือง มุมมองก็เปลี่ยนไป
พร้อมกับการกำหนดบทบาทของตัวเองใหม่ อิงกับฝ่ายประชาธิปไตย มากกว่า ประยุทธ์ หรือไม่ที่วางตัวเป็นขั้วหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือที่บางฝ่ายนิยามเป็นกลุ่มอำนาจนิยมนั่นเอง
เวลานี้ ป.ป้อม ขยับ สลับขั้วทางความคิดเรียบร้อย ส่วน ป.ประยุทธ์ ยังคงอยู่ในจุดเดิม เป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น