“ปดิพัทธ์ ก้าวไกล” ซัด กกต.เป็นกลไกให้พรรคสืบทอดอำนาจ ไม่ต่างอะไรกับปี 62
“ปดิพัทธ์ ก้าวไกล” ชี้ “ไตรรงค์” ที่ปรึกษา รทสช.หาเสียงแบบอนุรักษ์นิยม ไม่พัฒนาประชาธิปไตย ซัด กกต.เป็นกลไกให้พรรคสืบทอดอำนาจ ได้เปรียบทางการเมืองเหมือนปี 62
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ภายหลังนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องสอบ นายไตรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยหาเสียงที่ จ.นครราชสีมา โดยกล่าวหาว่า นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ว่า ความจริงเรื่องนี้ ไม่ค่อยซีเรียส เราไม่เห็นด้วยกับการไปไล่ร้อง และไล่ยุบพรรคของนายศรีสุวรรณ แต่สิ่งที่เราจะบอกคือการหาเสียงแบบอนุรักษ์นิยม ที่บอกว่าถ้ารักเจ้า ต้องเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ มันคือการบีบให้ประชาชนไม่มีการพัฒนาทางประชาธิปไตย เรายืนยันว่า กษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่ควรจะมีเรื่องของใครไม่เลือก ไม่เท่ากับจงรักภักดี ขณะเดียวกัน ในวันที่เรามีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบัน เช่น มาตรา 112 กลับมาเป็นเครื่องมือทำลายพรรคก้าวไกล
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงการส่งสัญญาณไปยัง กกต.ในการตรวจสอบการทุจริตว่า นับวันเรายิ่งเห็นว่า กกต.แสดงบทบาทมากขึ้นว่า เขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากปี 2562 เลย 4 ปีผ่าน แม้จะเปลี่ยนเลขาธิการ กกต. แต่องค์กรอิสระที่มาจาก คสช.ยังทำหน้าที่แบบเดิมอยู่ คือทำอย่างไรก็ได้ให้พรรคสืบทอดอำนาจได้เปรียบทางการเมือง ในเมื่อเขาทำยังไงก็ได้ให้ได้เปรียบทางการเมือง จึงเริ่มมีการออกมาบอกว่า จะมีการประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ 5 วัน หลังจากเลือกตั้ง นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เรื่องการที่มาหยุมหยิม เช่น ขนาดป้ายหาเสียง แต่กลับไม่ใส่ใจเรื่องการซื้อเสียง การจ่ายหัวคะแนนที่ไปฟังปราศรัยทั่วประเทศ ไม่จัดการเรื่องผิดกฎหมาย แต่จัดการเรื่องผิดระเบียบ
“ส่วนเรื่องร้องเรียนทุจริต ถามว่า ถ้าวันนี้ กกต.รับลูกทันที ว่าที่ทำการ รทสช.มีปัญหา การปราศรัยมีปัญหา มันก็ไม่ต้องฟันธงก็ได้ว่าผิด แต่แค่รับลูกให้มีการตรวจสอบ มีการเรียกบุคคลเข้าชี้แจง ซึ่งแค่นั้นก็อาจจะเสียคะแนนเสียงแล้ว แต่ กกต.ก็ไม่ทำ แต่ทีกับคนอื่นกลับทำได้เลย แต่ว่าเราไม่เห็นด้วยกับ กกต.จะไปไล่ยุบพรรคใคร แต่ว่าตอนนี้กำลังทำหน้าที่แบบปี 2562 คือ ทำยังไงก็ได้ให้ฝั่งสืบทอดอำนาจชนะ กกต.ก็เป็นแค่หนึ่งในกลไกที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจถืออยู่” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ตั้งเป้าจะได้ ส.ส.25 คน และอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ และ ส.ว.ยังอยู่ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการตีความในวันที่ 3 มี.ค. 2566 ว่าจะเป็นคุณเป็นโทษต่อการเลือกตั้งในเรื่องจำนวนทะเบียนราษฎร ทุกอย่างไม่ต่างกับปี 2562 มีเพียงเรื่องเดียวที่ต่าง คือประชาชนเห็นความบัดซบทั้งหมดของการสืบทอดอำนาจแล้ว ก็เลยไม่เคยหวังพึ่งกลไกพวกนั้น แต่การเลือกตั้งถล่มทลาย กับการจับตาการโกงเลือกตั้งของประชาชน ที่จะปกป้องคะแนนเสียงเราได้