‘เศรษฐา’พร้อมลงหาเสียงทุกเวที-ไม่หวั่น‘ชูวิทย์’พาดพิงคู่เขย‘แสนสิริ’
‘เศรษฐา’พร้อมรับไม้ต่อ‘อุ๊งอิ๊ง’ลงหาเสียงทุกเวที-ไม่หวั่น‘ชูวิทย์’พาดพิงคู่เขย‘แสนสิริ’ เดินหน้านำเสนอนโยบายให้คนกรุงเทพฯ เลือก ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์
ที่ชุมชนคลองเตย เขตคลองเตย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังรับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนเขตคลองเตยและลงพื้นที่พบปะประชาชนในชุมชน 70 ไร่ ล็อก1-3 เขตคลองเตย ว่า เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรก และขอบคุณทีมงานที่ทำให้ตนได้มาลงพื้นที่และรับฟังปัญหา พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้นำชุมชนที่มีความคับแค้นใจในท้องที่ ยอมรับว่าพื้นที่คลองเตยเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและหลายมิติ โดยจะนำปัญหาทั้งหมดเนี่ยไปหาคำตอบ และสัญญากับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวนี้ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาอีกครั้ง
นายเศรษฐา กล่าวว่า หาปัญหาของคนชุมชนคลองเตยมีทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยปัญหายาเสพติด ปัญหาเรื่องสุขภาพ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายสูงซึ่งเป็นปัญหาที่เยอะแยะไปหมด ซึ่งปัญหาใดที่สามารถทำได้ก็จะทำไปก่อน ปัญหาที่จำเป็นของคนคลองเตยได้สะท้อนกลับมานั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องมีการแก้ไขไปพร้อมกัน
เมื่อถามว่า พื้นที่เขตคลองเตยมีหลายพรรคการเมืองได้ส่งผู้สมัครลงแข่งกันซึ่งพรรคเพื่อไทยจะมี จุดเด่นเรื่องใดเพื่อให้คนของเตยได้เลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้นผู้แทนพรรคการเมืองอื่นไม่ได้แต่พรรคเพื่อไทยมีนายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล (บิ๊กเบญ) ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตคลองเตย เขตวัฒนา พรรคเพื่อไทย อยู่ในพื้นที่มา 17 ปีและไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชน และยังเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย นโยบายพรรคเป็นเรื่องหลัก โดยนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เราเคยทำมาก่อน หวังว่า จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้กลับมาทำอีกครั้ง
เมื่อถามถึงนายเศรษฐา หลังจากนี้จะลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคเพื่อไทยในทุกจังหวัดทุกพื้นที่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า จะพยายามไปให้ครบทุกพื้นที่ ทุกเวทีทุกจังหวัด ในขั้นตอนแรกขอลงพื้นที่ไปฟังปัญหาเพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลมาถกกันในพรรคหาทางแก้ไข นโยบายจะทยอยคลอดออกมาเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า ภาพลักษณ์ของนายเศรษฐาเป็นนักธุรกิจ จะขายภาพของตนเองอย่างไรให้เข้าถึงชาวบ้าน นายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องของการขายแต่เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูล เป็นเรื่องการ เข้าใจชาวไร่ชาวนาชาวสวนมีความต้องการอะไร หน้าที่ของตนคือการไปขยายนโยบายของพรรค เอาตัวตนตัวเองลงไปเพื่อแสดงความจริงใจอยากแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนยกระดับความเป็นอยู่
“ในส่วนผมและพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าทำเต็มที่ เพราะช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาเยอะเหลือเกินทั้งเศรษฐกิจสังคมหลายๆมิติ” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐายังระบุกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้กำลังใจในการลงพื้นที่ว่า ขอบคุณมากก็เป็นกำลังใจ ทีมงานก็ทำงานทำการบ้านที่ดี มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยเป็นพี่เลี้ยง เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีและจะมีก้าวต่อๆไป
ถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์กวาที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุดในกรุงเทพฯ หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าต้องฝากไว้เป็นคำตอบที่ประชาชนต้องให้ หน้าที่ของตนคือนำเสนอนโยบายที่เรามั่นใจจะโดนใจประชาชน
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ให้กำลังใจด้วยนั้น นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า รู้จักกับนายชูวิทย์ แต่ไม่ใช่แค่ชูวิทย์คนเดียว เพื่อนฝูงคนที่รู้จักก็ให้กำลังใจ และหวังว่าจะเป้นตัวของตัวเอง รักษามาตรฐานที่ตัวเองทำไว้ ก็ต้องคอยดูกันต่อ
เมื่อถามว่า กังวลกับบทบาทนักแฉของนายชูวิทย์ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นหน้าที่ของท่าน แต่ละคนก็มีหน้าที่ต่างกันไป ณ วันนี้ตนมีหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มาช่วยให้คำแนะนำ น.ส.แพทองธาร และมาช่วยด้านนโยบาย ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ตั้งครรภ์มา 7 เดือนและจะเข้าเดือนที่ 8 แล้ว ตนคงลงพื้นที่มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการกวดวิชาในระยะเวลาที่สั้นแต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“ผมเป็นนักธุรกิจมาก่อน การเข้ามาสู่มิติใหม่ในช่วงชีวิตนี้ ถ้าผมจะบอกว่าไม่กลัวเลยคงเป็นการโกหก แต่ผมว่าถึงเวลาแล้ว หน้าที่ที่ผู้ชายคนหนึ่งสะสมประสบการณ์มา 30 กว่าปี อยากที่จะนำเสนอตัวเองในพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีนโยบายตรงใจประชาชนมาโดยตลอด ผมก็มั่นใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก็ขอโอกาสแล้วกัน” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ เปิดชื่อ “เบ้ง” (นายทศพงศ์ จารุทวี) อยู่เบื้องหลังแสนสิริ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คุณเบ้งไม่ได้เกี่ยวกับแสนสิริครับ คุณทศพงศ์เป็นคู่เขยผมครับ รู้จักกันมานาน 30 กว่าปี ผมเป็นนักธุรกิจมานาน 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะครับ” เมื่อถามว่าจะกระทบกับแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “มันขึ้นอยู่กับการวางตัวของผม ฝากดูช่วยความเป็นธรรมแล้วกัน ว่า ตรงไหนมีความไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
เมื่อถามว่า ถ้าไม่เป็นความจริงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ ไม่ได้มาค้าความ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ศัตรูกับผมคือความยากจน ความเหลื่อมล้ำ อย่างที่เคยบอกไปแล้ว วันนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด ยืนยันจะพยายามทำงานให้หนัก รวบรวมให้เพียงพอ ตอบโจทย์ของประชาชน”