“อมรัตน์” ป้อง “ป้านา” ด่านายกฯ หากผู้นำมีปัญญา จะมีวิธีรับมือเหมาะสม
“อมรัตน์ ก้าวไกล” กางปีกป้อง “ป้านา บ้านโป่ง” คนบุกด่าขบวนนายกฯที่ราชบุรี ลั่นหากผู้นำมีสติปัญญา จะมีวิธีรับมือผู้เห็นต่างอย่างเหมาะสม กังขา “ประยุทธ์” ลงพื้นที่ไปในฐานะใด ชี้ไร้วุฒิภาวะ ไม่เหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเข้าจับกุม “ป้านา บ้านโป่ง” หรือนางวันทนา โอทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติเมื่อปี 2562 โดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ขัดขวางการแสดงออกทางการเมืองและมีการตั้ง 3 ข้อหาหนัก ว่า ตนเข้าใจความจำเป็นในหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นำ แต่การใช้กำลังรุนแรงปิดปากฉุดกระชากลากถูกับหญิงผู้สูงอายุคนเดียว ต้องถามว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้หากประยุทธ์เป็นผู้นำที่มีสติปัญญาควรมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับทีมตนเองว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินควรมีแนวปฏิบัติอย่างไร ต้องมีการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างเหมาะสมไม่ใช่ใช้มุมมองแบบทหาร มองเพื่อนร่วมชาติที่มีจุดยืนการเมืองคนละขั้วเป็นอริราชศัตรู แบบที่มองภัยจากภายนอกประเทศ
ขณะที่ประเด็นการตั้งข้อกล่าวหาหนักต่อป้านาว่า ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ น.ส.อมรัตน์ กล่าวว่า อยากถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปตรวจราชการที่ อ.บ้านโป่งครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือใช้ตำแหน่งนายกฯ เป็นข้ออ้างไปติดตามงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เพราะรู้กันอยู่ว่าบ้านโป่งเป็นเขตพื้นที่ ส.ส.ย้ายพรรคจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ พล.อ.ประยุทธ์
ส่วนประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงคนที่ชู 3 นิ้วว่าให้ไปหาหมอป่วย และมาเพราะต้องการอะไรสักอย่าง น.ส.อมรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้นี่ว่าประชาชนที่มารอพบท่านมาเพราะต้องการอะไรบางอย่าง เลยต้องถามว่าเมื่อทราบแล้วในฐานะผู้นำเคยออกมารับฟังพวกเขาไหม นี่ขนาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ ทั้งที่มีบทเรียนอยู่แล้ว
“การที่นักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะไปที่ไหนจะมีคนสนับสนุน เห็นด้วย คัดค้าน เป็นเรื่องปกติ แต่การใช้อำนาจปิดปากผู้ที่ออกมาแสดงออกเช่นนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีภาวะผู้นำในการจัดการเรื่องพวกนี้เลย วันนี้กำลังจะออกจากหมวกผู้นำเผด็จการ มาลงสนามเลือกตั้งแล้วแต่ยังละนิสัยเดิมไม่ได้ จึงอยากถามว่าคนที่ไม่มีมีภาวะผู้นำแบบนี้สมควรเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่” น.ส.อมรัตน์ กล่าว
น.ส.อมรัตน์ กล่าวด้วยว่า การแสดงออกเช่นนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนให้เห็นตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ลุแก่อำนาจ เป็นผู้นำที่เผด็จการอำนาจนิยม มีลักษณะโอหังคลั่งอำนาจตรงตามญัตติพรรคฝ่ายค้านที่ได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ จนถึงวันเลือกตั้ง
“ช่องคอมเมนต์คุณก็ปิด จะให้ประชาชนไปแสดงออกที่ไหน อยากให้เปิดช่องคอมเมนต์ ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาตะโกน ในโซเชียลมีเดียคุณปิดช่องคอมเม้นท์ ประชาชนพูดผ่านตัวแทนในสภาก็โดนประธานปิดไมค์ คิดหรือว่าจะใช้วิธีนี้สยบประชาชน แจ้ง 3 ข้อหาหนักเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะความอึดอัดคับข้องใจทำให้วิธีการนี้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ก้าวข้ามความกลัวเพราะความคับแค้นที่สะสมมานาน การปกครองด้วยความกลัวใช้ไม่ได้ผลแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะสยบยอมกับอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์” น.ส.อมรัตน์ กล่าว