“สะสมทรัพย์”ฝ่ากระแส “แดง-ส้ม" เป้า"ชทพ."นครปฐมแลนด์สไลด์
บ้านใหญ่นครปฐม ยี่ห้อของ "ตระกูลสะสมทรัพย์" ตั้งเป้าแลนด์สไลด์ในพื้นที่ ได้ 4ส.ส.ขึ้นไป แต่จากปัจจัยหั่นเขตเลือกตั้งและกระแสเสื้อแดง อาจทำให้ "ฝัน" เป็นจริงไม่ง่ายนัก
“พรรคชาติไทยพัฒนา” ประกาศ “แลนด์สไลด์” สุพรรณบุรี 5 เขต เพราะเป็นถิ่นของ “บรรหาร ศิลปอาชา” และประกาศความชัดเจนเรื่องตัวบุคคลตั้งแต่ก่อนยุบสภาว่า ทั้ง 5 เขตจะส่ง 5 อดีต ส.ส.ป้องกันแชมป์
ประกอบด้วย เขต 1 “สรชัด สุจิตต์” เขต 2 ”ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ” เขต 3 “ประภัตร โพธสุธน” เขต 4 “เสมอกัน เที่ยงธรรม” และเขต 5 ”นพดล มาตรศรี”
ขณะเดียวกันพรรคชาติไทยพัฒนายังถูกจับตาถึงสมรภูมิ “นครปฐม” เพราะถือเป็นถิ่นของ “บ้านใหญ่สะสมทรัพย์” ที่ตั้งเป้าทวงคืนพื้นที่
ในการเลือกตั้งปี 62 “ตระกูลสะสมทรัพย์” ฝ่าด่านเลือกตั้งเข้ามาได้ 2 คน จากที่ส่งลงเลือกตั้ง 3 คน คือ พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ เขต 2 และ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ เขต 5 ที่เข้าสภาฯ ได้ตอนเลือกตั้งซ่อม
ส่วน “อนุชา สะสมทรัพย์” ที่ลงเลือกตั้งเขต 4 พ่ายให้กับ “ปฐมพงศ์ สูญจันทร์” จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันย้ายเข้าสังกัด “ภูมิใจไทย"
รอบเลือกตั้ง 66 นี้ จ.นครปฐม ถูกแบ่งเขตใหม่ และเพิ่มเขตเลือกตั้ง จาก 5 เขต เป็น 6 เขต และถูกหั่นแยกพื้นที่
ทำให้บ้านใหญ่นครปฐมต้องจัดทัพใหม่ ล่าสุดเคาะแล้ว 4 เขต คือ เขต 1 ส่งเด็กใหม่ “สจ.ฟิล์ม” ศุภโชค ศรีสุขจร มาลง เขต3 โยก “พาณุวัฒณ์” จากเขต 2 มาลง เขต 5 ให้ “อนุชา” ที่อยู่ในเขต 4 มาลง และเขต 6 ที่ถูกแบ่งพื้นที่ใหม่ ให้ “เผดิมชัย” มาลง
ขณะที่ เขต 4 คาดหมายว่าจะส่ง “ก่อเกียรติ สิริยะเสถียร” อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ลงท้าชิงอีกรอบ ส่วนเขต 2 อยู่ระหว่างการคัดเลือก
ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “เพื่อไทย-ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย” พร้อมจะส่งผู้สมัคร ส.ส.มาแบ่งเค้ก
ล่าสุด “เสธแก้ว” พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ย้ายจากประชาธิปัตย์ เข้าสังกัดรวมไทยสร้างชาติ ประกาศย้ายเขตเลือกตั้งจาก เขต 1 มาลงเขต 2 ด้วยฐานที่มั่น “อำเภอเมือง 11 ตำบล” ถูกขีดให้ไปอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 2
ส่วน “ปฐมพงศ์” อดีตส.ส.นครปฐม เขต 4 พลังประชารัฐ สลัดพรรคเก่าและสวมเสื้อตัวใหม่ “ภูมิใจไทย” ลงเลือกตั้งเขต 5 เพราะฐานที่มั่น พื้นที่นครชัยศรีจากเดิมที่อยู่ในเขต 4 ถูกปรับใหม่
สำหรับความมั่นใจของบ้านใหญ่สะสมรัพย์ในศึกเลือกตั้งรอบนี้ “เสี่ยหมวย-อนุชา” บอกว่าจะได้รับเลือกตั้งเกินครึ่ง หรือ 4 เขตขึ้นไป เพราะคำว่าบ้านใหญ่นครปฐม ที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่และทิ้งชาวบ้าน ตลอด 4 ปีที่มีวิกฤติโควิด-เศรษฐกิจ และกว่า 40 ปี ที่คนตระกูลสะสมทรัพย์ไม่มีวันไหนที่ไม่ทำงานให้ประชาชน
ส่วนบทเรียนในการเลือกตั้งปี 62 ที่พ่ายให้กับกระแส “อนาคตใหม่-พลังประชารัฐ” คือสิ่งย้ำเตือนว่า “การเมืองต้องอยู่บนความไม่ประมาท แม้จะมีแบ็คสนับสนุนก็ตาม”
ขณะที่ “เพื่อไทย” เตรียมปลุกกระแสแลนด์สไลด์ เปิดเวทีปราศรัยที่หอประชุม ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม วันที่ 26 มีนาคม
“อนุชา” ตอบคำถามแทน “หลานรัก-พานุวัฒณ์” เจ้าถิ่นกำแพงแสนว่า “แลนด์สไลด์ตัวบุคคลไม่มีทาง” พร้อมอธิบายว่า “คนนครปฐมมองว่าใครทำงานให้ ไม่ใช่มองแค่กระแสพรรค การเลือกตั้งต้องใช้ตัวบุคคลทำคะแนนให้พรรค ไม่ใช่ให้พรรคไปหาเสียงช่วยคน”
สำหรับประเด็นแลนด์สไลด์ “อนุชา” ประเมินว่า อาจจะใช้ได้ในการลงคะแนนแบบบัญชีรายชื่อ เพราะ “นครปฐม” คือ ฐานที่มั่นของคนเสื้อแดง ซึ่งยังยอมรับและโหยหาอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวทักษิณจึงเรียกคะแนน “พรรคที่ชอบ” ได้ ขณะเดียวกันมี “แดง” อีกส่วนที่สนับสนุนคนของ “พรรคก้าวไกล”
แม้กระแสตอนนี้จะไม่แรงเท่าปี 62 ก็ตาม
อย่างไรก็ดี “อนุชา” ยังย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่า คนนครปฐมจะเลือกคนที่ทำงานเข้าถึง แบบหัวนาปลายนาถึงกันหมด แม้มีคนมองเปรียบว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ แต่การดูแลชาวบ้านยามมีทุกข์โศก และความเดือดร้อนเป็นเรื่องปกติทางการเมือง
การเลือกตั้งที่จะมาถึงหากนครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนาชนะ 4 ที่นั่ง "อนุชา" ถือว่า แลนด์สไลด์แล้ว
ความหวังของบ้านใหญ่สะสมทรัพย์ จะทำสำเร็จ ทะลุเป้าหรือไม่ ต้องมองถึงปัจจัยกลเกมเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การหั่นแยกเขตเลือกตั้งที่เป็นฐานที่มั่นเดิม ช่วงวัยของโหวตเตอร์ พ่วงกับกระแสการเมือง เกมชิงคะแนนเลือกตั้งยี่ห้อ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ซึ่งดูแล้ว “สะสมทรัพย์”แลนด์สไลด์ไม่ง่าย.