ข้าวเที่ยงบ้านป่า ทำพิษ 2 บิ๊ก พลิกดีล คนละทาง
หลังจากนี้ วงข้าวบ้านป่ารอยต่อฯ คงไม่น่าแวะเวียนอีกแล้วหรือไม่ สำหรับ อนุทิน-ภูมิใจไทย เพราะอาจระแวง เผลอพูดอะไรออกไปหรือคุยอะไรกัน ก็จะกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนต่างรับรู้ไปทั่ว เข้าทำนองกำแพงมีหู ประตูมีตา บ้านป่ามีสายลับ ไม่ใช่เซฟเฮ้าส์ที่อุ่นใจ
วงข้าวเที่ยงบ้านป่ารอยต่อฯ เมื่อ 22 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ทำท่าจะเป็นพิษ จากชื่นมื่นอาจผันแปรเป็นความขมขื่น เมื่อบทสนทนาระหว่าง บิ๊กภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ ที่หารือในทำนองพร้อมจับมือตั้งรัฐบาลล่วงหน้า ไปไหนไปกันหลังเลือกตั้ง
แถมมีประโยคไฮไลท์มากมาย หลุดลอดออกมาเป็นข่าวครึกโครมผ่านหน้าสื่อ ถึงขนาดมีการประเมินตัวเลข ส.ส.ที่แต่ละพรรค จะได้เท่านั้นเท่านี้ บางคนอวยยศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จนหยาดเยิ้ม ฝากเนื้อฝากต้วว่า “ยังไงผมก็เป็นหลานอาเหมือนเดิม รับคำพ่อมาแล้ว เป็นคำสั่งของพ่อ”
ที่สำคัญมีการเยินยอ พล.อ.ประวิตร จากคนบางคนจนออกนอกหน้า จะช่วยเปิดซิงให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ก่อนเลยทีเดียว
สำทับ ด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคมชัดลึก ทางเนชั่นทีวี 22 ของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ร่วมโต๊ะอาหารในวันนั้น พูดชัดเจนว่า
“มีการพูดลักษณะว่า ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ใครได้มากกว่ากัน ต้องไปถามท่านอนุทิน เพราะท่านปรารภออกมา ใครได้มากกว่าคนนั้นก็เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ ท่านอนุทินบอกว่าระหว่าง 2 พี่น้องใครได้มาก ผมก็สนับสนุนคนนั้นเป็นนายกฯ”
เรื่องเลยร้อนถึงเสี่ยหนู อนุทิน ต้องออกมาชี้แจงประเด็นที่วิรัช ให้สัมภาษณ์ ว่า “พรรคภูมิใจไทยชัดเจน หากได้ ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง ก็พร้อมเป็นนายกฯ เอง”
ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า มีการตกลงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ หากใครได้ ส.ส.มากกว่ากันนั้น อนุทิน ชี้แจงว่า “ในวงกินข้าวไม่ได้พูดกันจริงจังขนาดนั้น จะไปตกลงกันจัดตั้งรัฐบาลก่อนได้อย่างไร ยังไม่มีการเลือกตั้งเลย”
พร้อมกับสวนวิรัชไปหนึ่งดอกว่า “ผมคิดว่าในวงกินข้าว มีพูดหยอกเย้า เฮฮากัน ไม่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะ”
เท่ากับว่าอนุทิน ปฏิเสธทุกอย่างที่มีการนำเสนอออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึงเปิดเผยความคิดความเห็นอีกด้าน ที่เป็นคนละชุดข้อมูล หรือคนละเรื่องกับที่วิรัชออกมาพูด
จึงไม่แปลก ถ้าสังคมจะตั้งข้อสงสัย สรุปแล้วสิ่งที่พูดคุยกันในวงมื้ออาหาร กับสิ่งที่แต่ละคนออกมาพูดกันคนละที และไปกันคนละทางผ่านสื่อ ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง หรือใครพูดความจริงไม่หมด
แต่อย่างน้อยทั้ง อนุทิน และวิรัช รวมถึงคนที่ร่วมโต๊ะวันนั้น คงรู้ดีว่า ใครพูดอะไรเอาไว้อย่างไร ใช่อย่างที่พูดผ่านสาธารณะหรือไม่
หลังจากนี้ไปวงกินข้าวบ้านป่ารอยต่อฯ คงไม่น่าแวะเวียนไปอีกแล้วหรือไม่ สำหรับอนุทิน และภูมิใจไทย เพราะแม้จะมีวาระการเมือง ได้สร้างกระแส สร้างสัมพันธ์พี่ใหญ่ 3 ป.เพื่อเพลย์เซฟ ทั้งพรรค และแกนนำ
แต่หากหลุดพูดอะไรออกไป อาจกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนต่างรับรู้ไปทั่ว เข้าทำนองกำแพงมีหู ประตูมีตา บ้านป่าฯ มีสายลับ ไม่ใช่เซฟเฮาส์ที่อุ่นใจ