ปลุกผี“คนโกง”เลือก“คนดี” กลยุทธ์“พรรคลุง”ดับแลนด์สไลด์
"จุดเปลี่ยน" เลือกตั้งรอบนี้ คือ การออกมาใช้สิทธิของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง กรณีปลุกกระแสแลนด์สไลด์ จน "ผลโพล" การันตี "พท.-แพทองธาร" ว่าคะแนนนำ ทำให้ "พรรคลุง" ต้องปรับกลยุทธ์สู้ ที่เห็นคือ ปลุกผีคนโกง หวังพลิกกระแส
กระทรวงมหาดไทย ประกาศจำนวนผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ไว้ที่ 52,287,045 คน ถือเป็นจำนวนผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 867,070 คน
ความน่าสนใจของตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งรอบนี้ คือ การวัดพลัง ระหว่างคนในช่วงวัยที่มีความสัมพันธ์กับ “การเมืองไทย” ในแต่ละยุค โดยแบ่งได้เป็น กลุ่มนิวโหวตเตอร์ ช่วงอายุ 18-26 ปี มี 7.6ล้านคน ช่วงอายุ 27-42 ปี มี 15 ล้านคน ช่วงอายุ 43-58 ปี มี 16 ล้านคน ช่วงอายุ 59-77 ปี มี 11 ล้านคน ช่วงอายุ 78-98 ปี มี 2.2 ล้านคน และ 99 ปีขึ้นไป มี 3.6 หมื่นคน
เป็นที่คาดหมายว่า พลังของคนรุ่นใหม่จะเป็นฐานที่สนับสนุนสำคัญที่ทำให้พรรคการเมือง นักการเมือง ได้รับเลือกตั้ง เพราะความตื่นตัวในทางการเมือง จะทำให้ออกมาใช้สิทธิในสัดส่วนที่สูงพอๆ กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในวัยกลางคน
ดังนั้น การรณรงค์เลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ จึงถูกชูโรงด้วย “คนรุ่นใหม่” ไม่ว่าจะเป็น แกนนำพรรค-ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเสนอตัวเป็น “จุดเปลี่ยน” การเมืองไทย ดูเหมือนกระแส “คนรุ่นใหม่” จะแซงหน้าพรรคการเมือง “รุ่นลุง”
ตามที่สำนักโพลต่างๆ หยั่งกระแส เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า โพล เผยผลสำรวจครั้งที่ ของศึกเลือกตั้งปี 2566 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนจากผลสำรวจสูงสุดที่ 49% รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล 17% ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 11 %
ทำให้ “บรรดาพรรคลุง-พรรคป้า” ต้องปรับกลยุทธ์-นโยบายการเลือกตั้ง เพื่อขยายฐาน ชิงส่วนแบ่ง
จากผลสำรวจของนิด้าโพล ที่เกิดขึ้น เมื่อ 26 มีนาคม ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ประเมินผลจากโพลว่า เมื่อพรรคเพื่อไทย และแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนนำ ทิ้งห่างพรรคอื่น สิ่งที่พรรคการเมืองอื่นต้องทำคือ การแบ่งคะแนนนิยมจาก "พรรคเพื่อไทย” มาให้ได้
“อ.สุวิชา” เชื่อว่า หลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะเจอกับ “แรงต้าน” รวมถึงอุปสรรคที่พรรคการเมืองคู่แข่ง จะระดมกลยุทธ สรรพกำลังเพื่อเจาะกระแส เพื่อไทยแลนด์สไลด์
“ผลโพลที่สะท้อนจากการสำรวจรอบแรก คือ พรรคที่ได้ลำดับรองลงมา ทั้ง พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องหาทางเจาะคะแนนของพรรคเพื่อไทย และดันคะแนนของพรรคตัวเองขึ้นมา ซึ่งการเลือกตั้งรอบนี้มีความน่าสนุกอยู่ที่ พรรคเพื่อไทยชูและสร้างกระแสแลนด์สไลด์ แต่การประเมินตัวเลขขณะนี้ ผมให้ 240 -260 คน แต่กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง อาจต้องเจอกับแรงต้าน ซึ่งจะทำให้คะแนนหล่นลงมาที่ 230- 235 คน ดังนั้นต้องจับตาว่าพรรคเพื่อไทยจะรักษาระดับและสู้กับแรงต้านได้หรือไม่” อ.สุวิชา ระบุ
ขณะที่ประเด็นของ “แพทองธาร ชินวัตร” และ “เศรษฐา ทวีสิน” ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ปรากฎในบัญชีว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ เท่ากับว่า ทั้ง 2 คน จะไม่ลงชิงเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งรอบนี้ “อ.สุวิชา” ประเมินว่า ไม่มีผลใดต่อ “แฟนคลับ” ของพรรคเพื่อไทย แม้คอการเมืองจะมองว่า “เป็นคนนอก-ลอยลำเข้ามา” แต่กติกาเปิดช่องให้ทำได้
เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีประเด็นว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะไร้ชื่อในบัญชีว่าที่ผู้สมัครส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้
“แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ลงเลือกตั้ง ก็ไม่มีผลใดต่อการตัดสินใจเลือก พล.อ.ประยุทธ์ของบรรดาแฟนคลับ เพราะเขาไม่สนใจ เนื่องจากมีความภักดีในตัวบุคคลมากกว่า เพียงแต่การเลือกตั้งรอบนี้ สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องทำในการสร้างคะแนนให้พรรค และทำยอดส.ส.ให้ได้ทะลุ 25 ที่นั่ง เพื่อส่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าโหวตในรัฐสภา คือ ทำให้คนรับรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่กับพรรครรวมไทยสร้างชาติ เพราะจากคะแนนที่สำรวจ พบว่าคะแนนของพรรค กับคะแนนของพล.อ.ประยุทธ์ ยังทิ้งห่างกัน 30%” อ.สุวิชา ระบุ
ขณะที่ “องคาพยพ” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร เช่น กลุ่ม ส.ว. นักวิชาการที่เคยได้รับตำแหน่งในยุคปฏิรูปภายใต้รัฐบาล “คสช.” ได้กลายมาเป็นเครื่องมือ และตัวช่วยที่สำคัญ โดยเฉพาะการจัดอีเวนต์เพื่อจูงใจ และย้ำเตือนถึง ข้อควรทำ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง คือ การเลือกคนดี ไร้มลทิน คดีทุจริต หรือประวัติคดโกง เข้าสู่สภาฯ ในสมัยหน้า
เท่ากับเป็นการส่งต่อชุดความคิดไปยัง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ด้วยกลไก "ปลุกผีคนโกง” ให้คนตระหนักถึงการเลือก “คนอีกฝั่ง” ที่ถูกชูว่า “เป็นคนดี-ซื่อสัตย์”
ทว่ากลยุทธ สยบ “แลนด์สไลด์” รอบนี้ ต้องคิดให้รอบทิศ เพราะคำว่าคนดี อาจเป็นแค่หน้ากากอำพราง และถูกกระแส “ความจริง” ตีกลับได้