ยลโฉมสมบัติ “ทวีเกียรติ” พ้นตุลาการศาล รธน. 22 ล. – “ธวัชชัย” พ้น กกต. 436 ล.
ยลโฉมทรัพย์สิน 2 บิ๊กเนมองค์กรอิสระ “ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ” พ้นเก้าอี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 22.7 ล้าน มีทองคำแท่งหนัก 92 บาท มูลค่า 2.7 ล้าน “ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย” พ้น กกต. 436 ล้านบาท สะสมพระเครื่อง 43 องค์
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2566 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2 ราย กรณีพ้นจากตำแหน่ง ได้แก่
นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ กรณีพ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566
แจ้งมีทรัพย์สิน 11,798,628 บาท ได้แก่ เงินฝาก 788,128 บาท เงินลงทุน 3,950,500 บาท ที่ดิน 1 แปลง 2.5 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 แห่งเป็นห้องชุด 1.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 3 แสนบาท ทรัพย์สินอื่น 2,760,000 บาท มีหนี้สิน 1,487,882 บาท แจ้งมีรายได้ต่อปีโดยประมาณ 2,994,606 บาท เป็นเงินเดือน 983,040 บาท เงินประจำตำแหน่ง/ค่ารับรอง 1.2 ล้านบาท เงินบำนาญ 465,965 บาท ค่าลิขสิทธิ์ 345,500 บาท
ส่วนนางรจนากร มีนะกนิษฐ คู่สมรส เป็นข้าราชการบำนาญ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีทรัพย์สิน 10,953,626 บาท ได้แก่ เงินฝาก 1,169,886 บาท เงินลงทุน 953,760 บาท ที่ดิน 1 แปลง 4.4 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 แห่งเป็นห้องชุด 3,550,000 บาท ยานพาหนะ 8.9 แสนบาท มีรายได้รวม 530,439 บาท เป็นเงินบำนาญ
รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 22,762,254 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,487,882 บาท
นอกจากนี้ยังแจ้งถือครองสิทธิและสัมปทาน เป็นหนังสือ 4 เล่ม ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอ้างอิง, สังคมกับกฎหมาย, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทั่วไป, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ รวมถึงถือครองทองคำแท่ง หนัก 92 บาท รวมมูลค่า 2,760,000 บาท
- “ธวัชชัย” อดีต กกต. 436 ล้าน สะสมพระเครื่อง 43 องค์
อีกราย นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรณีพ้นจากตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2565
โดยนายธวัชชัย พร้อมด้วยยางดนุชา เทิดเผ่าไทย แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 436,412,852 บาท ไม่มีหนี้สิน แบ่งเป็นทรัพย์สินนายธวัชชัย 146,862,852 บาท ประกอบด้วย เงินนฝาก 10,072,852 บาท ที่ดิน 21 แปลง 121,050,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง และอ.ปลวกแดง จ.ระยอง, อ.คอลงใหญ่ จ.ตราด, อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นต้น ส่วนยานพาหนะ 5,040,000 บาท เป็นรถยนต์อีซูซุ 1 คัน รถยนต์เบนซ์ จีแอลซี 1 คัน ทรัพย์สินอื่น 10,700,000 บาท โดยเป็นพระเครื่องทั้งหมดรวม 43 องค์ ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 289,550,000 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 49,000,000 บาท ที่ดิน 11 แปลง 234,300,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และ ยานพาหนะ 6,250,000 บาท เป็นรถยนต์ฮอนด้า 1 คัน รถยนต์เบนซ์ เอ็มแอล 1 คัน
ที่น่าสนใจนายธวัชชัย แจ้งว่า สลากออมสินของคู่สมรสมูลค่า 49,000,000 บาทนั้น เป็นสลากที่คู่สมรสถือครองแทนบิดามารดาคู่สมรส โดยใช้เงินฝากและสลากออมสิน ตามบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง กกต.ไปจัดซื้อ ซึ่งเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินที่รายงานตอนเข้ารับตำแหน่ง แท้จริงแล้วคือเงินของบิดามารดาของคู่สมรส ที่ให้ถือครองแทน
โดยสาเหตุที่แจ้งว่าเป็นทรัพย์สินของคู่สมรสเพราะตนได้บอกให้ภรรยาว่าถ้ามีเงินฝากหรือเงินที่ไปลงทุนที่เป็นชื่อของภรรยาให้รายงานบัญชีทรัพย์สินไปทั้งหมด โดยที่ภรรยาไม่ได้บอกให้ตนทราบว่าเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินแท้จริงแล้วเป็นเงินของบิดามารดาหรือเงินกงสี ที่ให้ภรรยาตนถือครองแทน ตนจึงได้รายงานบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง กกต. โดยไม่ได้มีหมายเหตุอธิบายให้เข้าใจ เป็นเพราะความเข้าใจผิดของตน และไม่ได้สอบถามรายละเอียด
นายธวัชชัย แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 2,913,157 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง 2,753,157 บาท เบี้ยประชุม 160,000 บาท โดยมีรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท ส่วนคู่สมรสไม่แจ้งรายได้ แต่แจ้งรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท นอกจากนั้นนายธวัชชัยยังแจ้งว่า เคยดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสังกัดองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2559 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง กกต. ในปี 2561 ขณะที่คู่สมรสไม่ได้แจ้งว่ามีตำแหน่งในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนแต่อย่างใด