มังกรซ่อนกาย 'วัฒนา' แม่ทัพเงา 'อัศวเหม'

ประมุขบ้านม้าทองคำ ‘วัฒนา’ หนีจากแผ่นดินไทยไปนานนับสิบปี แต่ไม่เคยทิ้งพลพรรค ‘อัศวเหม’ ยังทำตัวดุจมังกรซ่อนกาย ช่วยลูกหลานรักษาฐานที่มั่นสุดท้าย

นับแต่มีข่าว ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม จากไปอย่างกะทันหัน ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองก็ตั้งคำถามว่า ใครจะเป็นแม่ทัพบ้านใหญ่ปากน้ำ นำขุนพลลงสนามเลือกตั้ง

กระทั่ง วัฒนา อัศวเหม ได้ส่งคลิปเสียงถึงชาวสมุทรปราการ สรุปว่า “..เราจักร่วมงานกันต่อไป ไม่สะดุดและขาดตอน ผมจะทำงานกับทุกฝ่าย ด้วยวัยและประสบการณ์”

เฉพาะประโยคที่ว่า “ผมจะดูแลอย่างเข้มแข็ง และใกล้ชิดกว่าเดิม” นั้นสะท้อนว่า การเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ วัฒนา จะเป็นแม่ทัพเงา นำพาบ้านใหญ่ไปสู่ชัยชนะ

คำยืนยันในรูปแบบของคลิปเสียง คงทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สบายใจขึ้น เพราะบ้านใหญ่ปากน้ำ คือความหวังในการเพิ่มจำนวนส.ส.ให้บรรลุตามเป้าหมาย 

ดังที่ทราบกัน วัฒนา อัศวเหม หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ในคดีทุจริตโครงการคลองด่าน เมื่อ 18 ส.ค. 2551 ศาลฎีกา จึงสั่งออกหมายจับเพื่อติดตามนำตัววัฒนา มารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี ขณะนี้มีเบาะแสชี้ว่า วัฒนาใช้ชีวิตระหว่างจีน และกัมพูชา

แล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ

ก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรปราการ จู่ๆ มีเหตุการณ์แปลกๆ เมื่อ 16 พ.ค.2563 วัฒนา อัศวเหม ได้ส่งหนังสือถึงสื่อมวลชน

 โดยหนังสือเล่มดังกล่าวใช้ชื่อว่า ‘เปิดหัวใจลูกผู้ชายที่ชื่อ วัฒนา อัศวเหม’ ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 

ตอนท้ายของหนังสือเล่มดังกล่าว วัฒนาได้ขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหวังว่า “...จะเปิดโอกาสให้คนแก่อย่างผม ได้กลับบ้านและเข้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง”

หลังลูกสะใภ้ นันทิดา แก้วบัวสาย ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ ความเคลื่อนไหวจะขอกลับเมืองไทย ก็เงียบหายไป

ย้อนไปช่วงกลางปี 2555 มีข่าวใหญ่ วัฒนา อัศวเหม ที่เร้นกายหายตัวไป ได้ปรากฏโฉมอีกครั้ง ในพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตอุโบสถวัดเหมอัศวาราม ที่เมืองลั่วหยางมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งชื่อวัดคือ เหมอัศวาราม แปลว่า ม้าทองถือว่าเป็นวัดพุทธศาสนานิกายเถรวาทแห่งแรกในแดนมังกร

ทำไมต้องม้าทอง? เพราะ วัฒนา เดิมชื่อ กิมเอี่ยม แซ่เบ๊ โดยมีการเปลี่ยนนามสกุลเป็นอัศวเหม แปลว่า ม้า เขาจึงใช้ม้าเป็นตัวนำโชคของตระกูล และเป็นม้าทองคำ

มังกรโพ้นทะเล

บนเส้นทางทางการเมืองและธุรกิจของวัฒนา อัศวเหม จะเห็นว่าได้รับการสนับสนุนด้วยความรักและเอ็นดูจากผู้ใหญ่สองคน คนแรกคือ สังข์ พัธโนทัย ผู้มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับผู้นำจีนแดง ซึ่งสังข์เป็นบิดาของ มั่น พัธโนทัย ที่กลายมาเป็นมือทำงานการเมืองของบ้านใหญ่อัศวเหม

คนที่สองคือ โควตงหมง-ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ อดีตประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร

ปี 2517 ประสิทธิ์ ชวน วัฒนา และเหล่ามังกรโพ้นทะเลทั้งหลาย มาตั้งพรรคสังคมชาตินิยม โดยมี สังข์ พัธโนทัย เป็นคนร่างธรรมนูญและโครงสร้างพรรค เมื่อพรรคสังคมนิยมได้เข้าร่วมรัฐบาลคึกฤทธิ์ วัฒนา อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ สมัยแรกได้รับตำแหน่ง รมช.อุตสาหกรรม โดยการผลักดันของโควตงหมง

ปี 2518 รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ได้เปิดสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน วัฒนาได้ร่วมคณะไปด้วย ในฐานะ รมช.อุตสาหกรรม 

เส้นทางบ้านม้าทองคำ

จาก พ.ศ.แรกที่ได้เป็นผู้แทนฯ จนถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2529 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ วัฒนาได้รับชัยชนะในสนามเลือกตั้งปากน้ำ วัฒนาย้ายไปย้ายมาหลายพรรค ทั้งพรรคสังคมชาตินิยม, พรรคชาติประชาชน, พรรคราษฎร, พรรคชาติไทย และพรรคประชากรไทย

ช่วงนั้น วัฒนา สถาปนา “กลุ่มปากน้ำ” เป็นกองกำลังนักเลือกตั้ง ที่พร้อมจะสวมเสื้อพรรคไหนก็ได้ ตามสถานการณ์การเมือง ซึ่งกลุ่มปากน้ำ หรือกลุ่ม ส.ส. สมุทรปราการ ประกอบด้วย วัฒนา อัศวเหม ,สมพร อัศวเหม, มั่น พัธโนทัย และสมชาย สาดิษฐ์

การเลือกตั้งปี 2539 วัฒนา พากลุ่มปากน้ำ เข้าสังกัดพรรคประชากรไทย และได้เข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ชวลิต โดยกลุ่มปากน้ำ ส่ง สมพร อัศวเหม ไปนั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ 

หลัง พล.อ.ชวลิต ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์เลขาธิการพรรค ปชป.สมัยนั้น เปิดการเจรจากับวัฒนา ดึง 14 เสียงของพรรคประชากรไทย เข้าร่วมรัฐบาลชวน จึงเป็นที่มาของงูเห่าการเมือง สะท้านแผ่นดิน

ผลการเลือกเป็นงูเห่าเพื่อชาติ ทำให้ ยิ่งพันธ์ มนะสิการ เป็นรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ฯและวัฒนา อัศวเหม เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย นี่คือ คนต้นเรื่องของมหากาพย์คลองด่านอันฉาวโฉ่

ผู้ไม่สยบยอมทักษิณ

ผลจากการเป็นงูเห่า ทำให้ วัฒนา ต้องมารื้อฟื้นพรรคราษฎร โดย พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ เป็นหัวหน้าพรรคราษฎร และเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งปี 2544

ผลการเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ ปี 2544 ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคราษฎรส่วนใหญ่พ่ายแพ้แก่พรรคไทยรักไทย ยกเว้น เรวดี รัศมิทัต ได้รับเลือกเป็น ส.ส.สมุทรปราการ โดยเรวดี เป็นลูกสาวกำนันตี๋ อำนวย รัศมิทัต บ้านใหญ่พระประแดงที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอัศวเหม

ก่อนการเลือกตั้งปี 2548 ทักษิณ ชินวัตร ส่ง ภูมิธรรม เวชยชัย มาเจรจากับวัฒนา ที่บ้านม้าทองคำ ถนนพัฒนาการ ขอร้องให้วัฒนา พากลุ่มปากน้ำเข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทย แต่วัฒนาปฏิเสธ พร้อมกับพาลูกน้องย้ายไปสังกัดพรรคมหาชน

ส่วนกำนันตี๋ อำนวย รัศมิทัต ยอมซูฮกทักษิณ พาลูกสาว-เรวดี ไปสวมเสื้อพรรคไทยรักไทย ซึ่งปีนั้น กลุ่มปากน้ำในสีเสื้อพรรคมหาชน พ่ายทุกเขต 

นับจากนั้นมา กลุ่มปากน้ำ พ่ายแพ้แก่พรรคการเมืองของทักษิณมาตลอด ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปี 2554 กระทั่งการเลือกตั้งสมัยที่แล้ว ทีมบ้านม้าทองคำ ในสีเสื้อพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเข้าสภาฯ 5 คน 

การเลือกตั้งปี 2566 จะเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของบ้านใหญ่ ‘อัศวเหม’ ภายใต้แม่ทัพเงาชื่อ วัฒนา อัศวเหม ในวันที่อุ๊งอิ๊ง มาแรง ซึ่งบ้านใหญ่ม้าทองคำ มีบทเรียนปราชัยต่อกระแสยิ่งลักษณ์อย่างย่อยยับมาแล้ว