เปิดเนื้อหา หนังสือ “ผู้นำ” ย้อนเส้นทาง-ผลงาน “ประยุทธ์" ในตำแหน่ง นายกฯ
หนังสือ “ผู้นำ” ชู “ประยุทธ์” พาคนไทยพ้นความขัดแย้ง สู่แผนพัฒนาอย่างยั่งยืน ก้าวสำคัญพลิกโฉมประเทศ พร้อมโชว์ผลงานในตำแหน่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเดือน มี.ค.66 ที่ผ่านมา สำนักพิมพ์ จี-เลน โดยทีทผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่าอัศวินโต๊ะกลม ได้จัดทำหนังสือ “ผู้นำ” ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมผลงาน และการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาทั้งหมด238 หน้า ออกจัดจำหน่ายในราคา 249 บาท ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ รวมทั้งยังมีวางจำหน่ายในงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51” และ “สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มี.ค – 9 เม.ย.66 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ด้วย
สำหรับหนังสือ “ผู้นำ” นั้นทางทีมผู้เขียนได้ระบุในบทนำว่า ทางทีมผู้เขียนมีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อต้องการบันทึกไว้ให้จดจำว่าช่วงเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ "พล.อ.ประยุทธ์ฯ" นั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะพลิกโฉมประเทศไทยไปตลอดกาล ให้สามารถโลดแล่นต่อไปได้อย่างไม่อายใคร และเพื่อย้ำเตือนให้คนไทยได้พิจารณาว่า "ผู้นำประเทศ..ต้องเก่งและดี"
"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 แห่งราชอาณาจักรไทย เป็นนายกรัฐมนตรี "สองแผ่นดิน" ที่มีความโดดเด่นในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ” บทนำระบุ
ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งเนื้อหาเป็น 5 ช่วง ได้แก่ ผู้นำประเทศ, ผู้นำการเปลี่ยนแปลง, ผู้นำในยามวิกฤต, ผู้นำยุคดิจิทัล และผู้นำ...ที่ฉันอยากตาม โดยได้ไล่เรียง
เนื้อหาบางตอนระบุที่มาการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “บนเส้นทางผู้นำในช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ ความขัดแย้งของคนในชาติที่สะสมมานานนับสิบปีกำลังบานปลายถึงขั้นจลาจล ผู้นำรัฐบาลถูกถอดถอน รัฐบาลรักษาการไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ และกลไกบริหารประเทศได้... ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวดึงอำนาจบริหารประเทศคืนประชาชน โดยมุ่งหวังคืนความสุขให้กับคนในชาติ และนำสันติสุขคืนสู่บ้านเมือง”
ขณะเดียวกันยังระบุถึงสิ่งที่ผู้นำบนซากปรักหักพังต้องทำว่า “ความแตกแยกฝังรากลึกในความคิดและจิตใจ ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศในสายตาชาวโลกเสื่อมถอย ส่งผลให้ประเทศไทยที่เคยจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย กลายมาเป็นผู้ป่วยในเอเชีย ภารกิจเพื่อชาติครั้งนี้จึงต้องยึดความสมดุล และการตรวจสอบ ตลอดจนกำหนด 3 ภารกิจคู่ขนาน1.กำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว, 2.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ และ 3.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ”
นอกจากนี้ยังระบุถึง ผลงานการเข้ามาแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆของ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ การอนุมัติก่อรถไฟฟ้า 10 สาย 204 กิโลเมตร มากกว่าหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ก่อสร้างไป 7 สาย148 กิโลเมตรเท่านั้น พร้อมทั้งอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง รวมไปถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อย และไม่มีการแบ่งแยกตามฐานเสียง ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือแล้ว 14 ล้านราย, เบี้ยคนชราเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน, เบี้ยคนพิการเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน, เด็กพิการ 200 บาทต่อเดือน, เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ 600 บาทต่อเดือน, จัดสรรที่ดินและที่อยู่อาศัยกว่า 78,000 ราย เป็นที่ 1.3 ล้านไร่, ดูแลนักเรียน นักศึกษา และผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้อยโอกาสผ่านกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) 3.5 ล้านคน เป็นต้น
ส่วนการแก้ไขปัญหาโควิด-19 สามารถวางมาตรการจน WHO (องค์การอนามัยโลก) ออกมาชื่นชมว่า ไทยเป็นประเทศที่รับมือกับสถานการณ์โควิดได้ที่ดีที่สุด เป็นลำดับต้นๆของโลกพร้อมทั้งจัดฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จนสามารถเปิดประเทศได้ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 อีกทั้งมีโครงการนำร่อง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ในบทนำของหนังสือ “ผู้นำ” ได้ระบุด้วยว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นข้อสรุปว่าผู้นำของเรานี้มีความสมบูรณ์แบบดังกล่าวอย่างไร แต่จะเป็นเพียง "กระจกเงา" ให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณของตนเป็นเครื่องตัดสิน โดยให้ผู้อ่านได้วิเคราะห์ และตกผลึกด้วยตนเอง ว่า "พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา" ใช่ "ผู้นำ" ประเทศตามความหมายนี้หรือไม่...?