ยุทธศาสตร์ก้าวข้าม "ทักษิณ" ก้าวไกล-เพื่อไทย รบหลังฉาก
"...แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากสมรภูมิเลือกตั้งที่ต้องป้อมค่ายสู้กับพรรคอื่นแล้ว “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ยังต้องเหน็ดเหนื่อยกับการ “รบกันเอง” แย่งชิงฐานมวลชนเดียวกันอีก..."
พรรคก้าวไกล ยังคงขยับรุกหนักอย่างต่อเนื่อง ในช่วงนับถอยหลังอีกไม่ถึง 2 เดือน สำหรับศึกเลือกตั้ง 2566 ที่ กกต.กำหนดวันกาบัตรไว้ที่ 14 พ.ค. 2566
ภายหลัง “ค่ายสีส้ม” จับได้ “เบอร์ 31” ซึ่งไม่ใช่ “เลขสวย” ตามนิยามของ “นักเลือกตั้ง” ก็ตาม แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคแก้กลยุทธ์เรื่องนี้มาตั้งแต่ไก่โห่แล้วว่า จะเน้นพีอาร์หาเสียงโดยให้ประชาชนจำเฉพาะ “โลโก้พรรค-ชื่อพรรค” ก็เพียงพอ ไม่ต้องสนเบอร์ เพื่อป้องกันการสับสนบัตร 2 ใบ ที่ถูกปัดฝุ่นจากรัฐธรรมนูญปี 2540 นำมาใช้อีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้
ประเด็นที่น่าสนใจ “ฐานเสียง” ของ “ก้าวไกล” และองคาพยพ “ฝ่ายค้าน” ส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายเดียวกัน คือประชาชนที่ไม่เอา “2 ลุง” และคัดค้านการสืบทอดอำนาจรัฐประหารเป็นหลัก โดย “ก้าวไกล” อาจได้ฐานเสียงจากคนรุ่นใหม่-นิวโหวตเตอร์ที่ต้องการปฏิรูปเบื้องสูง-ปฏิรูปกองทัพมากหน่อย
ในแวดวงการเมืองรู้กันมานานแล้วว่า “ก้าวไกล” พยายามก่อร่างสร้างพรรคก้าวข้าม “ทักษิณ ชินวัตร” โดยเน้นภาพลักษณ์ในเรื่อง “ความก้าวหน้า-คนรุ่นใหม่” เน้นแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างการเมืองเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-สังคม
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย “พ่อของฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยพูดพาดพิงถึง “ทักษิณ” ในศาลรัฐธรรมนูญ ตอนที่โดนคดี “หุ้นสื่อ” ว่า “รู้จักและเข้าใจการเมืองดี และไม่ต้องการถูกดำเนินคดีเรื่องผลประโยชน์แบบนายทักษิณ จึงพยายามตัดปัญหาธุรกิจออกจากตัวเองทั้งหมด เพื่อป้องกันครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน”
ทำเอาแฟนคลับ “เพื่อไทย” วิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ จนเจ้าตัวต้องออกโรงขอโทษขอโพย “คนแดนไกล” ยอมรับว่าเป็นการกล่าวพาดพิงที่ไม่เหมาะสม
ต่อมาเมื่อ “อนาคตใหม่” ถูกยุบพรรค “ก้าวไกล” ขึ้นมาขับเคลื่อนงานแทน มีหลายครั้งที่แกนนำ-ส.ส. “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ต่างคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเอง จนต้องมาเคลียร์ใจกันเสมอ ๆ เช่นเดียวกับแฟนคลับของ “แดง-ส้ม” ที่ตีกันแทบทุกครั้งเมื่อมีการแสดงความเห็นในโลกโซเชียลฯ
แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 2566 “ค่ายสีส้ม” เริ่มเดินเกมแรงมากขึ้น หากสังเกตในช่วง 1-2 เดือนมานี้ “ก้าวไกล” เริ่มงัดกลเกม “แทงข้างหลังเพื่อน” คือ “เพื่อไทย” มาโดยตลอด เช่น ช่วงกระแส “ดีลลับ” ระหว่าง “คนแดนไกล” กับ “บ้านป่ารอยต่อฯ” แรง ๆ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ผู้นำทางจิตวิญญาณ “ค่ายสีส้ม” ออกโรงขึ้นเวทีปราศรัยปลุกประชาชนจับตา “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพิเศษ พร้อมกับกล่าวหาว่า “ลุงป้อม” คือหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลัง ศอฉ.ในเหตุการณ์สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553
“ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ” คือคำพูดของ “ปิยบุตร” บนเวทีพรรคก้าวไกลที่ จ.อุดรธานี เมื่อ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกัน “ดีลลับ” ระหว่าง พปชร.-เพื่อไทย จะเกิดขึ้น ในช่วงที่ “ทักษิณ” ประกาศพร้อมเดินทางกลับไทยจริงจังในปีนี้
ต่อมาถึงคิว “ตัวพ่อ” ระหว่าง “ธนาธร” และ “ทักษิณ” ออกมาฟาดปากกันเอง เมื่อ “พ่อของฟ้า” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการหนึ่ง ระบุถึงพรรคการเมืองบางพรรคว่า “พรรคนี้ไปซื้อบ้านใหญ่ ตระกูลบ้านใหญ่นี้ จังหวัดนี้ จะไปอยู่พรรคไหน กระโดดกันไปมา ดูถูกประชาชนมาก”
ทำเอา “โทนี่ วู้ดซัม” ควันออกหู โต้กลับผ่านรายการ Care Talk ว่า “ผมงงมาก ธนาธรยังโจมตีเพื่อไทย ที่คนบอกว่าก้าวไกลเหมือนประชาธิปัตย์ ก็จะชักจะเหมือนขึ้นทุกวัน”
ร้อนถึง “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกโรงปฏิเสธว่า พรรคก้าวไกล และอดีตอนาคตใหม่ มีจุดยืนทางการเมืองไม่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นอกจากนี้ยืนยันว่า “ธนาธร” ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ “ทักษิณ” ไม่ได้หมายถึง “เพื่อไทย” แต่ให้ความเห็นประเด็นพรรคการเมืองต่าง ๆ ดูด ส.ส.ย้ายพรรคไปมา ไม่ได้สนใจอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นการพูดถึงการเมืองไทยโดยรวม
กรณีล่าสุด “ปิยบุตร” เรียกทัวร์มาลงอีกแล้ว พลันที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพาดพิง “ชัยเกษม นิติสิริ” แกนนำ และแคนดิเดตนายกฯ “เพื่อไทย” ถึงกับระบุว่า ขอตะโกนดัง ๆ ว่า ไม่เชื่อเพื่อไทยจะกล้าจัดการปัญหารัฐประหาร โดยสะท้อนให้เห็นภาพว่า การเมืองไทยเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีการรัฐประหาร 2 ครั้งคือปี 2549 และ 2557 โดยในช่วงเพื่อไทยเป็นรัฐบาล กลับไม่เคยแตะปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่ามีแค่ “ก้าวไกล” พรรคเดียวที่จะแก้เรื่องนี้ได้
ต้องรอดู “เพื่อไทย” จะแก้หมากเกมนี้ตอบโต้ “ปิยบุตร” อย่างไร
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากสมรภูมิเลือกตั้งที่ต้องป้อมค่ายสู้กับพรรคอื่นแล้ว “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ยังต้องเหน็ดเหนื่อยกับการ “รบกันเอง” แย่งชิงฐานมวลชนเดียวกันอีก
ส่วนการขบเหลี่ยมเฉือนคมระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ที่อ้างตัวเป็นฝั่งประชาธิปไตย ใครจะชนะ ต้องรอลุ้นวันกาบัตร 14 พ.ค.นี้