‘ปานปรีย์’ ชี้เพื่อไทยศึกษาแหล่งเงินชัดเจน ดันนโยบายโอนเงินดิจิทัล 1 หมื่น
‘ปานปรีย์’ มั่นใจโอนเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ระบุเพื่อไทยศึกษาที่มาของแหล่งเงินไว้ชัดเจนแล้ว หากได้เป็นรัฐบาล จะวางระบบเสร็จภายใน 6 เดือน
พรรคเพื่อไทยได้กำหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ โดยมีข้อเสนอการเติมเงินให้ทุกคนระบบ ใช้จ่ายใกล้บ้านผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ทุกคน ใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กิโลเมตร สำหรับคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet)
ทั้งนี้ กระเป๋าเงินดิจิทัลจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน
รวมทั้ง ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง ซึ่งจะเป็นการลงทุนในโครงสร้างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ Digital Economy ด้วยการสร้าง Digital Wallet for all และวิธีนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะขับเคลื่อนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล โดยคาดว่าใช้เวลาเตรียมการ 6 เดือน ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนใช้ได้
สำหรับแหล่งเงินที่จะมาดำเนินการจะมาจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัว 5% ในระยะ 4 ปี ข้างหน้า ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม
รวมทั้งงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท สามารถจัดสรรมาดำเนินการได้ โดยรัฐบาลตัดรายการที่ไม่สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้จากหลายส่วน เช่น งบประมาณกลางที่ตั้งไว้ถึง 500,000 ล้านบาท
นายปานปรีย์ กล่าว รูปแบบของกระเป๋าเงินดิจิทัลจะมีการโอนเงินเข้ากระเป๋าดิจิทัลของประชาชนในรูปโทเคน ซึ่งมีการศึกษารูปแบบไว้แล้ว โดยจะมีการประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพราะมีส่วนที่เกี่ยวกับระบบการเงินของประเทศ
“การดำเนินการจะโอนเงินครั้งเดียว กำหนดให้ใช้ได้ 6 เดือน และจะมีการประเมินผลว่าส่งผลต่อเศรษฐกิจแค่ไหน ถ้าประเมินแล้วดีก็จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่” นายปานปรีย์ กล่าว