“ก้าวไกล” สวน “พีระพันธุ์” ทัศนคติอันตราย แช่แข็งประเทศ ไล่คนเห็นต่าง
“โฆษกก้าวไกล” แถลงสวน “พีระพันธุ์” รทสช. ทัศนคติอันตราย แช่แข็งประเทศไทย ไล่คนเห็นต่าง - ไล่บี้ ตร.เคลียร์ให้ชัด ใครอยู่เบื้องหลังแฮกเกอร์ “9near” เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ - จี้ ปปง.เงียบปม “ส.ว.ทรงเอ” โดนกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ถึงข้อสังเกตต่อกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ “9near” โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ ที่จนถึงตอนนี้ตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้ ว่า เรื่องนี้เป็นการหลุดของข้อมูลครั้งสำคัญที่ไม่อาจประมาณมูลค่าความเสียหายได้ ตนและพรรคก้าวไกลติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องการเห็นการรับมืออย่างเป็นมืออาชีพของรัฐบาล โดยจากข้อมูลที่ปรากฏ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ตำรวจขอออกหมายจับ มีการทราบตัวและทราบที่อยู่ของแฮกเกอร์ แต่กลับไม่มีการควบคุมตัว พรรคก้าวไกลมองว่ามีความไม่ชอบมาพากล อาจมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหมายความว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้กำลังเจอตออยู่หรือไม่
“เป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารยศจ่าสิบโทคนดังกล่าวอาจอยู่ท่ามกลางข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่การที่กองทัพออกมาปฏิเสธบอกว่าการกระทำที่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่ากองทัพไม่ควรร้อนตัว ต้องให้มีการตรวจสอบก่อน จะอ้างขั้นตอนระบบราชการอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เว้นเสียแต่ว่าคนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เป็นคนมีอำนาจ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใส่ร้ายบางพรรคหรือนักการเมืองบางคน โดยพรรคก้าวไกลได้ติดตามการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องนี้ หวังว่าจะไม่ทำลายอาชีพของตัวเองด้วยการปล่อยให้ข้อมูลของประชาชนอยู่ในมือมิจฉาชีพ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยไล่คนเห็นต่างออกจากประเทศ พร้อมผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ ล้มเจ้า โดยขอตั้งคำถามกลับว่า พีระพันธุ์เป็นใครจึงมาไล่ประชาชน ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นักการเมืองมาเป็นรัฐบาลไม่มีสิทธิไล่ผู้เห็นต่าง ในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติมากที่ประชาชนจะมีความเห็นแตกต่างกัน การแสดงความเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนสงสัยว่าทำไมพีระพันธุ์จึงไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นนักการเมืองมานาน เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เคยนั่งอยู่ในกรรมาธิการการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกละเมิด
"ความคิดของคุณพีระพันธุ์ ที่จะแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อันตรายของคนที่คิดจะเป็นรัฐบาล เพราะความคิดที่บอกว่าสังคมต้องเหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยน ก็คงเท่ากับประชาชนต้องอยู่กับปัญหา ความคิดแบบนี้ไม่มีทางทำให้สังคมก้าวหน้าได้ ผมอยากให้คุณพีระพันธุ์คิดให้ดีว่าหากอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ ควรจะใช้อำนาจที่มีปกป้องประชาชน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ผมพบว่าปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาร้ายแรง ขอถามว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำอะไรบ้าง" นายรังสิมันต์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี ส.ว.ทรงเอ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและรอคอยความคืบหน้าว่าจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร ยอมรับว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเป็นปาหี่ นำไปสู่การช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ เพราะทั้งที่ ส.ว.ทรงเอ หรือนายอุปกิต ปาจรียางกูร มีสายสัมพันธ์กับ “ทุน มิน ลัต” แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ทำให้กระบวนการยุติธรรมอาจถูกตั้งคำถามว่ามี 2 มาตรฐาน
“ผมยังเชื่อใจว่าองค์กรอัยการจะไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาทิ้งกับเรื่องนี้ คำถามคือตอนนี้รออะไร เมื่อไรกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะส่งสำนวน เพื่อให้อัยการดำเนินการต่อไป หวังว่าก่อนสงกรานต์จะมีความชัดเจน มิเช่นนั้นประชาชนจะตั้งคำถามว่าพวกท่านกำลังช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ ส.ว.ทรงเอ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงิน พวกเราพรรคก้าวไกลถามไถ่มาตลอดว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการต่ออย่างไร เพราะจนถึงวันนี้ ปปง. ยังไม่ทำอะไร ขอตั้งคำถามว่าเป็นเพราะสำนักงานของบางพรรคการเมืองดันไปเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่อาจจะถูกยึดของ ส.ว.ทรงเอด้วย ใช่หรือไม่
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปปง. ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากยังไม่มีความคืบหน้า ผมก็คงอยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ เป็นช่วงพักการหาเสียง แกนนำและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล จะเดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญกับพี่น้องประชาชนชาวไทย โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเดินทางไปจังหวัดลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน ระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล จะไปที่จังหวัดสกลนครและขอนแก่น ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน ขณะที่ตน จะเดินทางไปที่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน