“จุรินทร์”ปราศรัยบ้านนาเดิม- เวียงสระ มั่นใจเลือกปชป.เบอร์26 ยกจังหวัด
เลือกประชาธิปัตย์ทั้งจังหวัด "จุรินทร์" ปราศรัย อ.นาเดิม-เวียงสระ คนแห่ฟังแน่น มาหมดทั้งอำเภอ มั่นใจเลือก ประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ยกจังหวัด!
15 เม.ย. 2566 เวลา 16.00 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงเย็น ใน 2 อำเภอ ประกอบด้วยอำเภอบ้านนาเดิม และ อำเภอเวียงสระ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสุราษฎร์ธานี 7 คน ประกอบด้วย เขต 1 นายภาณุ ศรีบุศยกาญจน์ เบอร์ 10 เขต 2 นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี เบอร์ 2 เขต 3 นายปิยะรัฐ จิรรัตน์ฐิกุล เบอร์ 5 เขต 4 นายสมชาติ ประดิษฐพร เบอร์ 1 เขต 5 นายสินิตย์ เลิศไกร เบอร์ 6 เขต 6 นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ เบอร์ 2 และ เขต 7 นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร เบอร์ 9 โดยมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาเข้าฟังการปราศรัยเต็มแน่น ภายใต้บรรยากาศที่คุ้นเคย อบอุ่น และต้อนรับเวทีหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่
โดยนายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนพูดภาษาใต้ชัด เพราะบ้านอยู่พังงา เป็น ส.ส. มาแล้ว 11 สมัย ไม่เคยเปลี่ยนพรรค อยู่พรรคเดียวตั้งแต่เกิดจนวันนี้ชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และขอบคุณพี่น้องชาวสุราษฎร์ฯ ในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็น 1 ใน 2 จังหวัดของภาคใต้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. ยกทีม ส่วนอีกจังหวัดหนึ่งคือจังหวัดพังงา นี่คือบุญคุณที่พี่น้องชาวสุราษฎร์ฯ มีต่อพวกเราชาวประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์จึงตอบแทนพระคุณของพี่น้องโดย เมื่อเราจัดตั้งรัฐบาล ประชาธิปัตย์จึงส่ง ส.ส.สุราษฎร์ฯ นายสินิตย์ เลิศไกร ไปเป็นรัฐมนตรี เพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องของพวกเราทุกคนด้วยความขอบคุณยิ่ง สำหรับการเลือกตั้งเที่ยวนี้ สุราษฎร์ธานี เพิ่มอีก 1 เขต จาก 6 เขต เป็น 7 เขต ดังนั้นเราจึงขอไม่มาก ขอแค่ 7 ที่นั่ง ที่เหลือจะเลือกใครก็ไม่เป็นไร ขอให้เลือกคนของประชาธิปัตย์ให้ครบ 7 เขตเสียก่อน
นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ ไม่เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่เอาคนไปมัดรวมกับพรรคเป็นข้าวต้มมัด แต่การเลือกตั้งครั้งนี้พี่น้องประชาชนจะได้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ บัตรสีเขียว สำหรับเลือก ส.ส. ระบบเขต ส่วนบัตรสีม่วง เลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ โดยให้กาที่หมายเลข 26 พรรคประชาธิปัตย์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมที่สุด 3 เรื่อง 1. การจัดทัพหาเสียง ที่แบ่งเป็น 3 ทัพ เรียกว่ายุทธศาสตร์ดาวกระจายเพื่อบุกไปทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ยุคนี้เป็นเอกภาพ มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องให้มากที่สุด 2. นโยบายพร้อม 3. พร้อมตั้งรัฐบาล ถ้าเราสามารถรวมเสียงในสภาได้หลังเลือกตั้ง
สำหรับนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ระบุว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกๆ ที่ กกต. ได้ให้การรับรองว่านโยบายของเราทำได้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นไปตามระเบียบ กกต. ทุกประการ ซึ่งผ่านการวิเคราะห์ถึงที่มาของเงินที่จะนำมาทำตามนโยบายที่หาเสียง และจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แต่มีหลายพรรคยังมีปัญหาเรื่องนโยบาย จนวันนี้ยังชี้แจง กกต. ไม่ได้ว่าเอาเงินมาจากไหน เพราะเป็นนโยบายที่มุ่งการแจกอย่างเดียว โดยยังไม่รู้ว่าที่จะแจกนั้นจะไปเอาเงินมาจากที่ไหน นอกจากต้องการขอคะแนนเสียงจากพี่น้อง
“นโยบายทั้งหมดของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายที่ตกผลึก คิดมาจากประสบการณ์ และต่อยอดมาจากสิ่งที่เราได้ลงมือทำมาแล้วจริง และทำต่อไป ขอให้พี่น้องมั่นใจได้ว่า ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ พี่น้องจะได้สิ่งเหล่านี้ เพื่อสร้างอนาคตให้กับพี่น้องทุกคน และเป็นอนาคตที่ยั่งยืนไม่ใช่นโยบายไปตายเอาดาบหน้า เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ 2489 นับเนื่องมาวันนี้ 77 ปีเต็ม และจะอยู่ต่อไปในอนาคต ดังนั้นประชาธิปัตย์จึงไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนนั้นคนนี้เป็นนายก แล้วก็ยุบพรรคเหมือนหลายพรรคในอดีต ที่หนุนจอมพลโน้น จอมพลนี้ ถ้าพี่น้องเลือกพรรคเฉพาะกิจ พี่น้องก็จะได้อนาคตเฉพาะกิจ จะได้นโยบายเฉพาะกิจ จะได้นายกเฉพาะกิจ สุดท้ายอนาคตก็จะมีอนาคตเฉพาะกิจ” นายจุรินทร์กล่าว
พร้อมกับแนะนำผู้สมัครหน้าใหม่ เขต 3 นายปิยะรัฐ จิรรัตน์ฐิกุล เบอร์ 5 และเขต 7 นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร เบอร์ 9 ว่า ประชาธิปัตย์ภูมิใจส่งคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นเขตใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา และขอโอกาสให้นักการเมืองรุ่นใหม่ได้มีโอกาสก้าวเข้ามารับใช้พี่น้อง มาต่ออนาคตให้คนสุราษฎร์ธานีต่อไป
“ขอให้พี่น้องช่วยเป็นกำลังใจให้กับพวกเรา และช่วยสนับสนุนพวกเรา ทั้งพี่น้องคนไทยทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่คราวที่แล้วเลือกเราก็ขอให้มั่นคงอยู่กับประชาธิปัตย์ และบางท่านที่เคยเป็นสมาชิกพรรค เลือกเรามาหลายยุคหลายสมัยแต่ยกเว้นคราวที่แล้ว ก็ขอเรียกร้องให้ช่วยกันกลับมาเลือกประชาธิปัตย์ กลับบ้านเรา มาช่วยกันจับมือกับประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว