แก้โครงสร้างหวยช่วยคนในชาติ ความท้าทาย“นโยบายมอมเมา”
"หวย"ที่อาจไม่ใช่แค่"แผ่นกระดาษ" หากแต่กลายเป็นกลยุทธ์หาเสียงผ่าน "นโยบายพรรคการเมือง" ภายใต้เส้นบางๆระหว่างคำว่า "มอมเมา" หรือ "สร้างรายได้"?
วลีอมตะที่เรามักได้ยินมาเสมอคือ "คนรวยเล่นหุ้น คนจนเล่นหวย" ซึ่งหุ้นยิ่งเล่นยิ่งรวย แต่หวยประชาชนทั่วไปซื้อความหวังด้วยการซื้อลอตเตอรี่ และมันก็ไม่มีค่าเมื่อไม่ถูกรางวัล ระบบสลากกินแบ่งถึงเวลาต้องเปิดโปง ถึงเวลาที่จะต้องมารื้อโครงสร้างสลากกินแบ่ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในฐานะผู้เล่นมากขึ้น
กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ประกาศรื้อโครงสร้าง “สลากกินแบ่ง” เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งชุดใหม่ล่าสุด โดยมีประเด็นสำคัญคือ คืนเงิน 5,500 ล้านบาทต่อปีให้คนไทย ผ่านรางวัลแจ็กพอต เพิ่มโอกาสประชาชนเป็นเศรษฐีทั่วประเทศ จังหวัดละ 3 คน คนละ 1 ล้าน ทุกงวด
- เพิ่มปริมาณแก้สลากแพง?
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัวนโยบายรื้อโครงสร้างสลากกินแบ่ง คืนเงินคนไทย ด้วยการคลี่ให้เห็นถึงสภาพปัญหาว่า
ปี 2557 มีลอตเตอรี่ขายงวดละเพียงแค่ 37 ล้านใบ เพิ่มขึ้นทุกปีเป็น 100 ล้านใบ ด้วยเหตุผลข้ออ้างของฝ่ายรัฐบาลว่าต้องการเพิ่มปริมาณเพื่อต่อสู้กับลอตเตอรี่ราคาแพง คือหวังว่าปริมาณเพิ่มขึ้นแล้วราคาลอตเตอรี่จะลดลง แต่ผลก็ตามที่เห็นกันว่าลอตเตอรี่ที่ซื้อขายตามแผง ราคาไม่ได้ลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ใบละ 100 บาท
ซึ่งเมื่อมาเจาะลึกจากผลของการเพิ่มจำนวนลอตเตอรี่ ใครได้ประโยชน์บ้างและมหาศาล
ปี 2557 - 2565 แบ่งเป็นส่วนกำไรของกองสลาก เงินที่เป็นรายได้ส่งเข้าแผ่นดิน และส่วนยอดขายหรือรายได้ของกองสลาก
ยอดขาย ปี 57 มีรายได้โดยรวมของกองสลากอยู่ที่ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 170,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาเดียวกัน รายได้ที่ส่งเข้ารัฐ อยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านเพิ่มขึ้นมา เป็น 44,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30,000 ล้านบาท ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกัน กำไรของสำนักงานกองสลาก แต่ก่อน 1,000 ล้านต่อปี เพิ่มขึ้นมาจนปีล่าสุด อยู่ที่ระดับ 6,000 กว่าล้านต่อปี
- 8ปีรายได้รัฐ-กองสลากกำไรเพิ่มแต่"ราคาลอตเตอรี่" ยังแพง!
กรณ์ จึงระบุว่า นี่คือสาเหตุ ที่เรามองว่าถึงเวลาที่เราควรต้องคืนรายได้ คืนกำไรส่วนนี้ ซึ่งล้วนเก็บได้จากประชาชนคนไทย 20 ล้านคนที่ซื้อลอตเตอรี่ทุก ๆ 16 วัน กลับคืนให้ประชาชน
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐมีรายได้ 3.2 เท่า กองสลากกำไรเพิ่มขึ้น 5.8 เท่า แต่ราคาลอตเตอรี่ก็ยังแพงอยู่ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซ้ำแล้วกองสลาก เพิ่งได้ขอมติจากคณะรัฐมนตรี ได้รับอนุมัติอย่างเป็นหลักการที่จะเพิ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตจะมีล็อตโต้ 6 เบอร์ และจะมีสิ่งที่เรียก 3 ตัว N3 เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่ม ซึ่งก็ยิ่งทำให้เพิ่มรายได้ให้กับกองสลากเพิ่มขึ้นเป็นเหตุที่เราต้องมาทบทวนเพื่อแบ่งปันกำไร วันนี้ ประเด็นที่อยากเสนอเพิ่มเติม จากงวดที่เพิ่งผ่านมา
“อันดับแรกขอให้ประชาชนซื้อลอตเตอรี่ผ่านแอปเป๋าตัง จะทำให้ระบบสามารถระบุได้ว่าผู้ซื้อมีภูมิลำเนาในจังหวัดใด
โดยยึดตามบัตรประชาชน วิธีการที่จะกำหนดว่าเราจะได้รางวัลหรือไม่ในแต่ละจังหวัดคือ อิงกับรางวัลที่ 1 เลข 6 ตัวในแต่ละงวด ง่าย ๆ คือ เลขที่ใกล้รางวัลที่ 1 ที่สุดไม่ว่าจะบนหรือล่างของรางวัลที่ 1
ยกตัวอย่างเหมือนเราตีกอล์ฟ ให้ใกล้หลุมบาท และในรายที่ตีตกทราย ตกน้ำ ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่มีสิทธิ เพราะหากไม่มีใครที่ตีได้ใกล้หลุมเท่าท่าน ๆ ก็มีสิทธิได้รางวัล วิธีการนี้จะทำให้เราสามารถคืนกำไรที่ 5,500 บาทคืนคนไทย นอกจากนี้ยังสามารถนำกำไรจากการขายลอตเตอรี่ของรัฐไปสนับสนุนทุนการศึกษา และทุนธุรกิจสร้างสรรค์ได้ เพื่อส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ขึ้นมาในสังคมของเรา”
- นโยบายหวย "เหรียญสองด้าน" มอมเมา-สร้างรายได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นโยบายหวย ก็เหมือนเหรียญสองด้าน ที่กรณ์ อธิบายข้อสงสัยของสังคมเช่นกันว่าโครงการนี้ เป็นการมอมเมาประชาชนหรือไม่
โดยระบุว่า “ต้องบอกว่าการมอมเมามันน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่การเพิ่มจำนวนลอตเตอรี่ แต่เราไม่เพิ่ม แต่เราเสนอว่าการแบ่งควรแบ่งในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ถ้ารัฐงดที่จะจ่ายค่าการตลาดที่รัฐบาลขายเองบนแอปเป๋าตังใบละเกือบ 10 บาท เงินส่วนนั้นก็จะเพียงพอต่อการที่จะมาจ่ายรางวัลเพิ่มในส่วนของรางวัลแจ็คพอต 1 ล้านบาทที่ชาติพัฒนากล้ากำลังเสนอ เพราะฉะนั้นไม่มีผลต่องบประมาณ และไม่มีผลต่อการส่งเงินเข้ารัฐ”
กว่าจะสกัดออกมาเป็นนโยบาย รื้อโครงสร้างสลากกินแบ่ง คืนเงินคนไทย ชาติพัฒนากล้ายืนยันว่า ได้หารือกับผู้ออกแบบแอปเป๋าตังแล้วว่า โครงการนี้ทำได้ ซึ่งวันนี้กองสลากมีพร้อมทั้งรายได้ และเป็นยุคเทคโนโลยีที่เอื้อให้ทำได้
- "นอท-พรรคเปลี่ยน"จาก "คนขายสลาก" สู่ "นโยบายหวยโอกาส"
“พรรคเปลี่ยน” ของ พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เป็นพรรคที่มีจุดเริ่มต้น และจุดยืนชัดเจน ที่ต้องการเข้ามาปฏิรูปเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล
1 ใน 3 ของนโยบายหลักคือ "นโยบายหวยโอกาส" ที่เชื่อมโยงไปยังอีก 2 นโยบาย เพื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และนโยบายฟรีแลนซ์ ต้องมั่งมี ต้องมั่นคง
จุดขายสำคัญ ที่นอท พันธ์ธวัช มั่นใจว่าได้กวาดคะแนนได้ราวๆ 3 ล้านเสียง จากนโยบาย "หวยโอกาส" ที่ระบุว่า คนขายหวยต้องเป็นอาชีพไม่ใช่แค่รายได้เสริม
นอท พันธ์ธวัช อธิบายว่าพรรคเปลี่ยน เป็นการเปลี่ยนเพื่ออนาคต เปลี่ยนเพื่อกล้าพอ โลโก้ เป็น ป.ปลา ไขว้กัน เป็นหัวลูกศรขึ้น ตั้งใจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นในอนาคต ผมไม่มีอุดมการณ์การเมืองซ้ายหรือขวา เจอปัญหาตรงไหนก็แก้ปัญหา อยากแก้ปัญหาลอตเตอรี่ให้ได้จริงจะดูแลคนขายสลาก 2 แสนคน
นอท บอกว่า นโยบายชูนโยบายหารายได้จากหวยเป็นวิธีหาเงินที่ง่ายที่สุด เร็วที่สุด จะทำเป็นหวยโอกาส สร้างเศรษฐีสองทาง เพิ่มจะสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 อีก 100 ใบ เป็น 200 ใบ และจะพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลอีก 100 ล้านใบ เป็น 200 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหวยแพง และยังเป็นการเพิ่มเงินเข้ารัฐได้อีก 55,00 ล้านบาท เพื่อนำไปต่อยอดสร้างโอกาสให้คนทำมาหากิน
- ฉีกกฎนโยบายการเมือง ดัน "หวย" สร้างรายได้-เพิ่มโอกาส
สำหรับรายละเอียดนโยบายหวยโอกาส ของพรรคเปลี่ยนมีดังนี้
- เพิ่มโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จาก 100 ใบ เป็น 200 ใบ โดยเพิ่มจำนวนผลิตลอตเตอรี่จาก 100 ล้านใบ เป็น 200 ล้านใบ
- เพิ่มรายได้เข้ารัฐอย่างน้อย 55,000 ล้านบาทต่อปี จากการเพิ่มการผลิตลอตเตอรี่เป็น 200 ล้านใบต่องวด
- เพิ่มโอกาสในการทำมาหากินจากเงินหวยผ่าน “กองทุนหวยโอกาส”
- อาชีพผู้ค้าสลากฯต้องเป็นอาชีพหลัก ไม่เป็นแค่อาชีพเสริมอีกต่อไป
- จัดตั้งสมาพันธ์ผู้ค้าสลากกินแบ่งฯ
- เมื่อสลากฯ มีคนเกี่ยวข้องหลากหลายกลุ่ม การกระจายโควตาสลากอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม นั่นคือ ทุกคนต้องได้สลากฯไปขายสร้างเศรษฐี 2 ทาง
- ทางแรก คนซื้อมีโอกาสรวยจากการถูกรางวัล คนขายรวยจากการกระจายโควตา เพิ่มจำนวนสลากเพิ่มโอกาสรวย ปล่อยราคาตลาดที่เป็นจริงภายใต้เพดานราคาที่รัฐกำหนด และเงินกองทุนที่สร้างโอกาสในการเข้าถึงทุนเพื่อการทำมาหากิน สร้างอาชีพ
- ทางที่สอง เพื่อคนทำมาหากิน ด้วยกองทุนหวยโอกาส แก้หนี้นอกระบบ เพิ่มโอกาสให้คนหาเช้ากินค่ำเข้าถึงแหล่งทุน ดอกเบี้ยถูก ทำให้มีโอกาสสร้างตัวเป็นเศรษฐีได้
- ธนาคารโอกาส : จากแนวคิดเพิ่มจำนวนการผลิตลอตเตอรี่เป็น 200 ล้านใบ จะสามารถสร้างเงินเข้าสู่รัฐบาลได้อย่างน้อย 55,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างโอกาสให้กับการทำมาหากินของประชาชนได้ผ่านการจัดตั้งสถาบันการเงินของรัฐในนาม “ธนาคารโอกาส” โดยใช้เงิน 40,000 ล้านบาท หรือราว 80% ของงบประมาณแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายหวยโอกาส
- และเงินหวยโอกาสอีกประมาณ 10,000 ล้าน และ ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ในกองทุนหวยโอกาส จะนำไปใช้ในงบดูแลผู้สูงอายุ พัฒนาด้านกีฬา นโยบายหลักที่ 2 พรรคเปลี่ยน เพื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
- รวยได้ ใกล้บ้าน
- จากนโยบายหวย ก็จะเชื่อมต่อมายัง นโยบายหลักที่ 2 สร้างงาน “คืนลูกหลาน คืนความรวย ด้วยงานออนไลน์”
- ส่งเสริมให้งานออนไลน์ เป็นงานที่สร้างรายได้ที่มั่นคง เพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ หรือลูกหลาน ของเรา ไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนจากบ้านเกิดเมืองนอน เข้ามาแก่งแย่งแข่งขันกันทำมาหากินในเมืองใหญ่ สามารถทำงานออนไลน์อยู่ที่บ้าน ไปพร้อมๆกับดูแลครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขที่บ้านเกิด
- ลดการแออัดของเมืองใหญ่ ลดปัญหาสังคม ลดอาชญากรรม ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในต่างจังหวัดเติบโต สาธารณูปโภคก็ได้รับการพัฒนา คุณภาพชีวิตประชาชนก็ดีขึ้น รัฐก็สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น จากงานออนไลน์ที่ทำรายได้มากขึ้น
- เปลี่ยนเพื่อคนทำกิน
- ภาษี ต้องไม่ทำให้คนล้มละลาย การเก็บภาษีย้อนหลังต้องไม่ทำให้คนหมดทางหากิน ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ และมีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 1 ปี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องเข้ามาจดทะเบียนในระบบของสรรพากรว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ในนามบุคคล (e-Tax) เพื่อได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
นโยบายหลักที่ 3 ฟรีแลนซ์ ต้องมั่งมี ต้องมั่นคง คนกลางคืนอาชีพอิสระ ไรเดอร์ ต้องมีหลักประกันในชีวิต
เขาระบุว่า คนทำงานกลางคืน มีหลายกลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างออกไป ช่วงเวลากลางคืนเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทยที่มีขนาดใหญ่โตมาก ในแต่ละปีมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทตั้งแต่ธุรกิจร้านอาหาร ร้านความบันเทิงต่างๆ ร้านข้างถนน ตลาดนัดยามกลางคืน ซึ่งเกี่ยวพันกับคนหลายล้านคน ซึ่งถูกละเลยมายาวนาน
สำหรับนโยบายคนทำมาหากินกลางคืน สิ่งที่พรรคเปลี่ยนต้องการปลดล็อกคือ แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 2 ข้อ เพื่อเปิดทางให้อาชีพค้าประเวณีถูกกฎหมาย และ เมื่อเปิดทางแล้ว ต้องมีกระบวนการคุ้มครองสวัสดิภาพคนทำงาน และ กลุ่มคนทำ Content ทางด้านเพศที่เผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความมั่นคงของชีวิตคนทำงานอาชีพอิสระด้วยระบบประกันสังคมอาชีพอิสระ สิทธิเท่าเทียมคนทำงานประจำ