‘เศรษฐา’ลั่น‘เพื่อไทย’เป็นรัฐบาลปราบยาเสพติดใน 1 ปี
‘เศรษฐา’ลั่น‘เพื่อไทย’เป็นรัฐบาลปราบยาเสพติดใน 1 ปี ชี้ยาบ้าต้องแพงขึ้น-หมดไป ไม่ให้ราคาบางพรรคแอบอ้างชื่อ ‘เพื่อไทย’ ตีกินหาเสียงเป็นพรรคพี่น้อง
ที่มูลนิธิเจริญเชื้อ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการปราศรัยที่ จ.ขอนแก่น โดยประกาศเป็นนโยบาย ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ว่า ตนไม่เคยทราบมาก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง ว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อนกับปัญหายาเสพติดเป็นอย่างมาก ตนได้ฟังปัญหาเยอะมากมีทั้งผู้ค้ายา มีผู้ป่วย มีขบวนการรัฐด้วยที่ยังไม่ได้บริหารจัดการในพื้นที่ สำหรับผู้ค้ายานั้นก็ต้องบริหารจัดการให้เด็ดขาด
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ถ้าได้รับเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลจะจัดการปัญหายาเสพติดภายใน 1 ปี ยึดทรัพย์ผู้ค้าให้เร็วขึ้นและโทษต้องหนักขึ้น โดยต้องมีหลายหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นตนเอง หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย เราจะนั่งหัวโต๊ะ เป็นเจ้าภาพบริหารจัดการเองในเรื่องยาเสพติดให้หมด
เมื่อถามว่าภายใน 1 ปีที่จะได้เห็นหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล นายเศรษฐา ระบุว่า “ราคายาบ้าต้องแพงขึ้น หรือหายไป เรื่องยึดทรัพย์ผู้ค้าผู้กระทำความผิดและการบำบัดรักษาผู้ป่วยต้องเร็วขึ้น ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลผมจะนั่งหัวโต๊ะและบริหารจัดการเอง” นายเศรษฐา ระบุ
เมื่อถามถึงกรณี มีพรรคการเมืองหนึ่งในภาคอีสานจะเน้นการหาเสียงโดยระบุว่าเป็นพรรคพี่พรรคน้อและนำชื่อของพรรคเพื่อไทยไปหาเสียง นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองไม่ทราบว่ามีผลหรือไม่ แต่ที่แน่นอนที่สุดมีการอ้างชื่อพรรคเพื่อไทยแน่นอน ตรงนี้ก็ให้ชัดเจน ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง เพราะตนได้บอกเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ไปแล้วว่า ไม่มีการจับมือในที่สว่าง และที่มืด วันนี้ตัวแทนระดับแกนนำของพรรคได้ลงพื้นที่กันหมด วันนี้พบปะพี่น้องและปราศรัยหลายๆเวที ไม่มีเวลาไปจับมือกับใครแน่นอน ยืนยันไม่มีพรรคน้อง
เมื่อถามว่า จะมีการบอกไปถึงพรรคการเมืองที่มีการอ้างชื่อพรรคเพื่อไทย ที่กำลังตีกินกระแสของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า “ไม่ต้องหรอก ไม่ อย่าไปให้ราคาเลยครับ เขารู้อยู่แล้วเราทำอะไรอยู่ เดินหน้าต่อไป แต่หน้าที่ของผมก็คือสื่อสารกับประชาชนว่าไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ไม่มีการเลือกแพ็คคู่ แต่ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค”
เมื่อถามว่าทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้ เพราะเหลืองบประมาณฯ เพียง 2 แสนล้านบาท นายเศรษฐา ระบุว่าตนคิดว่าเริ่มไปกันใหญ่แล้ว จริงๆแล้วเมื่อ10 วันที่แล้วก็บอกว่านโยบายนี้เป็นคริปโต มีราคาขึ้นและลง วันนี้ก็มาเรื่องนี่แล้ว ตนว่าอย่าเลย ทั้งนี้ตน จะเดินหน้าชี้แจงนโยบายกับประชาชน คงไม่ต้องไปให้ราคากับการกล่าวหาเป็นคริปโต และตนก็ชี้แจงไปหลายรอบแล้ว
จากนั้นนายเศรษฐา พร้อมด้วยนายจตุพร เจริญเชื้อ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เขต 3 เบอร์ 5 และนางมุกดา พงษ์สมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เขต 4 เบอร์ 11 พบกลุ่มผู้ประกอบการปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมไก่ย่างเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น เพื่อรับฟังปัญหา
โดยตัวแทนกลุ่มผู้ค้าไก่ย่างเขาสวนกวาง สะท้อนปัญหาว่า เรามีสมาชิกกว่า 420 ร้านค้า แต่ร้านค้าแผงลอยชั่วคราว 50% ไม่มีทำเลที่ตั้ง ไม่มีที่ขายของตัวเอง ขณะที่ค่าเช่าแพงมาก และราคาค่าเช่าไม่แน่นอน ทำให้ไม่มีความมั่นคง นอกจากนี้ ราคาค่าน้ำ-ค่าไฟแพงมาก เนื่องจากเป็นร้านเช่า จึงไม่ได้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟตามราคาปกติได้ 2.การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีดิกเบี้ยต่ำนั้นยากมาก สุดท้ายหลายคนต้องไปวิ่งกู้เงินนอกระบบกว่า 70% เราอยากเสนอให้ตั้งกองทุน
3.เราไม่มีลิขสิทธิ์เป็นของชุมชน หรือชาวบ้าน เราพยายามจดลิขสิทธิ์ของชุมชน แต่สู้เอกชนไม่ไหว เลยต้องไปซื้อลิขสิทธิ์ของนายทุนมาขายทั้งที่ไก่ย่างเขาสวนกวางเป็นภูมิปัญญาของเราแท้ๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้เจอปัญหาว่าควบคุมคุณภาพ และรสชาดไม่ได้ด้วยเพราะใครๆก็เอาชื่อไปใช้ได้หมด
ตัวแทนผู้ประกอบการโรงเชือด สะท้อนปัญหาว่า ต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้นมากกว่า 50% โดยรัฐบาลไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ ต่อมาคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากมาก เราเจอโควิดกว่าจะเอาไก่ออกขาดได้ คนงานของเรามีทั้งคนเลี้ยง คนเชือด คนทำความสะอาด ฯลฯ ทั้งระบบ ที่เราต้องอุ้มไว้เพื่อไม่ให้พังไปทั้งหมดแต่กลับหาแหล่งเงินทุนไม่ได้ สุดท้าย คือเส้นทางการค้าขาย เราขาดแลนด์มาร์กที่ทำให้รู้ว่าที่นี่คือเขาสวนกวาง มาถึงต้องแวะทานไก่ย่างของเราที่นี่
นายเศรษฐา กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ตนมีโอกาสมาที่ อ.เขาสวนกวาง รับรู้ว่าไก่ย่างเขาสวนกวางคือซอฟต์พาวเวอร์ของที่นี่ แต่ไม่คิดว่าจะมีชมรมไก่ย่างที่ใหญ่ขนาดนี้ วันนี้ไก่ย่างเขาสวนกวาวงไปเที่ยวประเทศแล้ว ตลาดเราใหญ่ขนาดนี้แล้ว ตนจึงเชื่อว่า การจะเอาไก่ย่างเขาสวนกวางไปเปิดตลาดต่างประเทศก็ต้องสามารีถทำได้ สำหรับเรื่องแหล่งเงินทุน ตนเชื่อว่า หากเราเป็นรัฐบาลแล้วทำให้ตลาดใหญ่พอ ธนาคารจะต้องให้กู้แน่นอน
ด้านนายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องพื้นที่ที่ใช้ขายไก่ย่างนั้น การจะขอเรื่องน้ำ-ไฟ ต้องมีบ้านเลขที่ ดังนั้น อาจจะต้องมีการเข้าไปพูดคุยขอโยงน้ำ-ไฟ กับบ้านพี่น้องประชาชนซึ่งท้องถิ่นต้องประสานงานกัน ขณะที่ส่วนราชการจะต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างคนทั่วไป และผู้ค้าไก่ย่าง