“ชูวิทย์”ประกาศจ่าย 1 หมื่น ให้คนส่งคลิป อสม.เอเย่นต์ซื้อเสียง

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีที่ โพสต์คลิปวิดีความยาว 1.10 นาที พร้อมระบุข้อความในเฟสบุ๊ก ว่า “เทศกาลจ่ายเงิน ภาคอีสาน ภาคใต้ เริ่มแล้ว มัดจำกันไว้ก่อน อสม. เป็นคนเดินสายจดรายชื่อตามบ้าน เมื่อได้เป็น ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล ก็โกงเงินกลับมาสะสม ดูเอาเองว่าพรรคไหน? นักการเมืองถึงรวย ชาวบ้านถึงจน” ทั้งนี้พบว่ามีการใช้ อาสาสมัครสาธารณสุข  (อสม.) เป็นเอเย่นต์ซื้อเสียง ผ่านการล่าชื่อ จดบันทึกและจ่ายมัดจำในพื้นที่ ภาคอีสานและภาคใต้ โดยตนมีหลักฐาน ตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอให้ชาวบ้านรายละ 400 บาท ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมี 5 คน ก็ได้ 2,000 บาท ขณะที่ภาคใต้ มีอัตราสูงถึง 2,000 บาท โดยมัดจำรายละ 500 บาท 

 

นายชูวิทย์ ยังประกาศให้รางวัลค่าตอบแทนผู้ที่ส่งคลิปวีดีโอมาเป็นเบาะแสซื้อเสียง คลิปวีดีโอละ 10,000 บาท  โดยต้องมีเนื้อหาคลิปที่ชัดและให้เข้าใจ

นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึง กกต. ว่า ไม่ต้องเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ให้ต่างประเทศมาศึกษาดูงานที่ไทยดีกว่า เพราะตอนนี้มี อสม.ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญออกไปตระเวนล่ารายชื่อ  จดเบอร์โทรศัพท์ของคนที่จะรับเงินไว้ โดยหลักฐานที่ตนมีจะทยอยเปิดเผยวันละนิด วันละหน่อย จึงฝากเตือนไว้ว่า ใครทำอะไรไว้ ขอให้ระวังตัวให้ดี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายชูวิทย์แถลงเรื่องการซื้อเสียง ที่ถนนข้าวสารแล้ว ยังได้ เข้าพบนพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ที่ลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์การทำกิจกรรมวันกัญชาและตรวจสอบรร้านที่จำหน่ายกัญชา พร้อมด้วยพ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ลงพื้นที่ถ.ข้าวสาร

 

 

โดยนายชูวิทย์ ได้เดินเข้ามาพูดคุยกับ นพ.เทวัญ มีการสอบถามถึงประเด็นการใช้กัญชา โดยนพ.เทวัญ ตอบคำถามว่า ที่ผ่านมา มีการจับกุมและดำเนินคดีเกี่ยวกับกัญชาทั่วประเทศ รวมแล้วประมาณ 25 ถึง 30 ราย และมีประมาณ 10 รายที่ถูกตักเตือนและพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งที่จริงแล้วต้องรอกฎหมายเฉพาะในการควบคุม ตนก็รู้สึกเสียดายที่ร่างกฎหมายไม่ผ่านชั้นสภา แต่ตอนนี้มีการนำกฎหมายหลายฉบับมาปรับใช้ ในการควบคุมการใช้กัญชา แต่หากมีกฎหมายเฉพาะออกมา ก็จะควบคุมได้ง่ายกว่า ซึ่งในการตรวจวันนี้จะมีการพูดคุยและแนะนำกับผู้ประกอบการ ว่าควรปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายอย่างไร หากพบว่ามีผู้ประกอบการที่ยังทำผิด เช่น การขายให้เยาวชนก็จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนร้านไหนที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะต้องถูกจับกุม

นพ.เทวัญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มีมาตรการควบคุมร้านที่จำหน่ายกัญชา จะต้องกำหนดแหล่งที่มาของกัญชาให้ชัดเจนว่ามาจากที่ไหน และรายงานการขาย รวมถึงจะต้องมีความชัดเจนว่า จะจำหน่ายให้กับใครและตรวจบัตรประชาชนก่อนจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ระบบการรายงานผ่านออนไลน์ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์ให้กับร้านที่จำหน่าย

 

ส่วนประเด็นกัญชาที่ปัจจุบันใช้ในการบันเทิง มากกว่าใช้ในการทางแพทย์ ตนคิดว่ามาจากมุมมองทางวิชาการที่แตกต่างกัน ซึ่งบางคนอาจจะใช้กัญชาเพื่อการนอนหลับโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง หรือใช้รักษามะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้บางรายไม่สามารถเข้าถึงกัญชาได้โดยต้องรอใบสั่งจากแพทย์ ซึ่งตรงจุดนี้เองมีข้อมูลทางวิชาการที่มีการนำเสนอออกมาอยู่เชื่อว่าผู้ป่วยทราบ

ขณะที่บรรยากาศการรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรี ของนายชูวิทย์ พบว่ามีประชาชนที่เห็นด้วยกับการต่อต้านการใช้เสรีเข้ามาพูดคุยแจ้งปัญหาแล้วขอถ่ายภาพร่วมกับนายชูวิทย์ ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนกัญชาเสรี มายืนดูการรณรงค์ของนายชูวิทย์ และการเดินตรวจสอบของรองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ทำให้มีช่วงหนึ่งที่กลุ่มต่อต้านกัญชาเสรี และกลุ่มสนับสนุนกัญชาเสรี เกิดมีปากเสียงปะทะคารมกันเล็กน้อย ก่อนที่ผกก.สน.ชนะสงคราม จะเข้ามาห้ามปราม และขอให้อยู่ในความสงบ