ศาลฎีกาฯให้ประกัน “อนุรักษ์” คดีทุจริตเรียกเงิน 5 ล้าน เจ้าตัวลั่นขออุทธรณ์

ศาลฎีกาฯให้ประกัน “อนุรักษ์” คดีทุจริตเรียกเงิน 5 ล้าน เจ้าตัวลั่นขออุทธรณ์

ศาลฎีกานักการเมือง อนุญาตให้ประกัน “อนุรักษ์” อดีตส.ส.เพื่อไทย คดีทุจริตเรียกรับเงิน 5 ล้าน ลั่นพร้อมอุทธรณ์สู้คดีหลังศาลตัดสินจำคุก 6 ปี ชี้หาก กมธ. ตรวจสอบหน่วยงานไม่ได้จะมีไว้ทำไม

ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายอนุรักษ์ จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์คดี
  โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท
   ต่อมา นายอนุรักษ์ ให้สัมภาษณ์ ระบุว่า เคารพในคำพิพากษาขององค์คณะศาลฎีกา แต่จำเป็นต้องอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และคดียังไม่ถึงที่สุด 
คดีนี้เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ของตน    โดยเฉพาะเป็นฝ่ายค้านในพรรคเพื่อไทย ในการเป็นคณะกรรมาธิการเป็นเรื่องปกติที่ต้องตั้งคำถาม ซักถามข้อสงสัย และเมื่อถูกตั้งคำถามก็ต้องตอบเป็นเรื่องปกติ

ทุกกระทรวงก็มอบแบบแปลน และประมาณราคาให้กรรมาธิการพิจารณาทั้งหมด ยกเว้นกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ทำให้เกิดความสงสัย ว่าส่อไปในทางทุจริต    จึงต้องตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของทางราชการ หากกรรมาธิการไม่สามารถทำหน้าที่ดีได้ แล้วจะมีประโยชน์อย่างไรต่อประเทศชาติ 
   นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นผู้โทรไปหานายศักดิ์ดา แต่เป็นนายศักดิ์ดา ที่โทรมาหาถึง 5 ครั้ง และได้สนทนากัน 2 ครั้งที่โทรกลับ และอีกหลายครั้งที่ไม่ได้โทรกลับ คดีนี้ตนถูกเร่งรัดดำเนินคดี ป.ป.ช.ตั้งข้อกล่าวหาในเวลาไม่กี่วัน โดยยังไม่มีหลักฐาน และคดีนี้มีประจักษ์พยานอยู่เพียงคนเดียว คือ นายศักดิ์ดา เอง โดยไม่มีทั้งพยานบุคคลหรือวัตถุพยานอื่นๆเลย เช่น คลิปเสียง แต่นายศักดิ์ดามักกล่าวอ้างว่ามีบันทึกเทปไว้ พร้อมย้ำว่า เป็นเพียงข้อสงสัย แต่เคารพในคำพิพากษา
   "หากหลังเลือกตั้งนี้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา    คณะกรรมาธิการทุกคนต้องตรวจสอบระวัง โทรหาใครที่เป็นข้าราชการระดับสูงไม่ได้เลย หากถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินก็จะโดนเหมือนผมอีก จะมีมาตรฐานใดให้คณะกรรมาธิการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติได้บ้าง เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการเรียกเงินกันจริงหรือไม่ หลักฐานมั่นคงแค่ไหน คดีที่มีพยานปากเดียว    เคยลงโทษกันหรือไม่ เชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาจะให้ความเป็นธรรมกับผม"  นายอนุรักษ์ กล่าว 

นายอนุรักษ์ ยังกล่าวว่ามั่นใจในการต่อสู้คดีมาโดยตลอด เพราะไม่เคยเรียกรับเงินใดๆ ไม่เคยมีปรากฏในประวัติการทำงานที่ผ่านมา ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานที่ดีทำประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่งตนเห็นด้วย แต่ตนไม่เห็นด้วยที่เสนอราคาแพงเกินไป รถราคาคันละ 8-10 ล้านบาท และขุดเจาะเบิกงบประมาณ 171,000 บาทต่อหลุม ตอบคำถามไม่ได้ว่านำงบประมาณไปไหน อีกทั้งคดีนี้ยังไม่มีแบบแปลนจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลอยู่ในสำนวนคดีนี้ด้วยซ้ำ ตนได้มาจากแหล่งอื่น ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่เคยส่งแบบแปลนมาเลย