ศาล รธน.นัด 18 พ.ค.ชี้ขาด พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาด พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ 18 พ.ค.นี้ หลังถูกฝ่ายค้านยื่นตีความปมยื้อบังคับใช้กฎหมาย อ้างเหตุผลความไม่พร้อมด้านงบ การจัดหาเครื่องมือ-อุปกรณ์ ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไข รธน.
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเรื่องที่ 11/2566 กรณี พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 (พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่งหรือไม่
โดยกรณีนี้ ส.ส.จำนวน 99 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ตราขึ้นเพื่อขยายกำหนดเวลาการมีผลใช้บังคับของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 22, 23, 24, 25 จากเดิมที่ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือ วันที่ 22 ก.พ. 2566 แก้ไขเป็นให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยอ้างเหตุผลความไม่พร้อมด้านงบประมาณ การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เป็นเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง จึงส่งความเห็นดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคหนึ่ง
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 18 พ.ค. 2566 เวลา 09.30 น. ทั้งนี้มาตรา 173 วรรคสอง ให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 22 พ.ค. 2566