“อภิสิทธิ์’ปราศรัยกทม. วอนเลือก “ปชป.” 2 ใบ ยันเป็นหลักพาบ้านเมืองเดินต่อ
ปชป. เปิดเวทีปราศรัย กทม.โซนเหนือ “องอาจ” ขอช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ เพื่อรักษาการเมืองสุจริต ด้าน “อภิสิทธิ์”ลั่น นโยบายไม่หวือหวาแต่อยู่มานาน วอนพี่น้องเลือก ปชป. 2 ใบ ยืนยันสามารถเป็นหลักพาบ้านเมืองเดินต่อได้
วันที่ 29 เม.ย. เวลา 17.00 น. ที่สนามฟุตบอล ศูนย์เยาวชนหลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โซนกรุงเทพฯเหนือ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร, นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตจตุจักร-หลักสี่, นายธนา ชีรวินิจ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตดินแดง-พญาไท, นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตดอนเมือง, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม, นายวัทธิกร หรุ่นศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตสายไหม, นางปราณี เชื้อเกตุ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตสายไหม-บางเขน-ลาดพร้าว, นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตคันนายาว-บึงกุ่ม และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงยังมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมขึ้นปราศรัยเพื่อขอเสียงสนับสนุนให้พรรคและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคด้วย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายองอาจ กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่พี่น้องทุกคน ที่จะช่วยกันลงคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในอดีต กทม. เคยมีคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 1 ล้านกว่าเสียง แต่ในการเลือกตั้งปี 62 มีคน กทม. เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 3 แสนกว่าเสียง และอีก 6-7 แสนเสียงไปเลือกพรรคการเมืองอื่น วันนี้ตนต้องขอขอบคุณคนทั้ง 6-7 แสนเสียงที่ได้ส่งเสียงกลับมายังผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ว่าเมื่อปี62เขามีเหตุจำเป็นต้องไปเลือกพรรคการเมืองอื่น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เขาจะกลับมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุผลหนึ่งสำคัญที่พี่น้องประชาชนควรสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะไปช่วยรักษาการเมืองสุจริต จะเป็นการช่วยการเมืองไทยให้เดินไปได้อย่างมั่นคง
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ก่อนจะมีการเลือกตั้งเราจะเห็นการดูด ส.ส.จากพรรคการเมือง และพรรคที่ถูกดูด ส.ส.มากที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งด้วยเงินจำนวนมากจึงทำให้ ส.ส.เหล่านั้นตัดสินใจย้ายพรรคไป และนั่นคือกระบวนการเริ่มต้นของการทำการเมืองทุจริต ที่เริ่มต้นการทุจริตตั้งแต่ขายตัวเองเพื่อไปอยู่พรรคการเมือง ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้เข้าไปในสภา ถามว่าเขาก็จะคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ ขึ้นปราศรัยโดยระบุว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบกับพี่น้องที่หลักสี่ หลายครั้งในการทำงานทางการเมืองของตนก็ได้แวะเวียนมาในพื้นที่หลักสี่ และหลายคนคงทราบว่าตนไม่ได้ลงสมัครการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ตนเป็นสมาชิกพรรค และได้เดินทางลงพื้นที่สนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ และที่ตนมาวันนี้เพื่อมากราบขอบพระคุณพี่น้องทุกคน เพราะว่านักการเมืองอย่างตนเหมือนกับหลายคนในพรรค ที่มีโอกาสไปเป็น เราไม่ใช่คนมีเงิน มีอิทธิพล ที่จะไปสถาปนาเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นของตัวเองได้ แต่เราต้องอาศัยประชาชนที่จะมอบสิ่งเหล่านี้ให้เรา และขอย้ำว่า ตนจะมีหรือมีไม่ตำแหน่ง หัวใจอุดมการณ์เหมือนเดิม วันก่อนไปหลายพื้นที่ มีคนบอกว่า ความหล่อคงที่ ความดีเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่มาวันนี้เพื่อมาขอให้ทุกคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่ว่าพรรคประขาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาทำงานอย่างมีอิสระ และสามารถเติบโตได้ พี่น้องที่คิดตามการทำงานของสภามา 4 ปี จะเห็นว่าเป็นการเมืองที่วุ่นวาย แต่พี่น้องจะเห็นบทบาทที่โดดเด่นของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่สามารถควบคุมความวุ่นวายในสภาได้ ซึ่งความรู้ความสามารถของท่านก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเป็นเพราะวัฒนธรรมของพรรค ที่เป็นสถาบันการเมือง เป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค การทำงานโดยจึงคำนึงถึงความยั่งยืน ไม่ได้ทำเพื่อการเลือกตั้งครั้งใดครั้งหนึ่ง นโยบายหลายคนก็บอกว่าทำไมไม่หวือหวา แต่นโยบายที่หวือหวาเร้าใจก็สร้างความเสียหายให้ประเทศมามาก แต่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์นั้นสามารถทำจนดำรงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
“ผมไม่รู้หรอกหลังเลือกตั้ง พรรคไหนจะมีกี่เสียง ใครจะจับมือกับใคร ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ผมเชื่อว่ายังมีความสับสนอยู่พอสมควร เพราะกติกาบ้านเมือง ยังมีเรื่องของ ส.ว. 250 คน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมพูดได้ คือพรรคอย่างประชาธิปัตย์ จะเป็นฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาล สถานการณ์จะเป็นอย่างไร จะยืนหยันความเป็นหลักให้กับบ้านเมือง ให้บ้านเมืองเดินด้วยเหตุด้วยผล ฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆให้กับพี่น้องประชาชนได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายที่มีประโยชน์ ทำได้จริง และไม่ทิ้งปัญหาให้กับลูกหลาน โดยนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เกิดมาจากโครงการ "ฟัง คิด ทำ" พบว่าประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ อันดับแรก คือ เรื่อง pm2.5 ที่ถือว่าเป็นอันตรายยิ่งกว่า โควิด-19 หากได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ จะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดทันที ถัดมาเป็นเรื่องยาเสพติด ความปลอดภัยเมือง และการสุจริตคอรัปชั่น ของหน่วยงานและคนที่รับราชการ พรรคประชาธิปัตย์ จึงประกาศว่า "ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด การทุจริตคือวิกฤติชาติ" และขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์เราจะไม่แก้มาตรา 112 จะยืนหยัดมาตรา 112 ไว้เพื่อปกป้องสถาบันของพวกเรา ไม่เอายาเสพติด และจะไม่เอาการทุจริตคอรัปชั่น
พล.ต.ต.วิชัย ยังได้ขอให้เชื่อมั่นในพรรค นโยบาย และเชื่อมั่นในผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม ทั้งเรื่องของนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่อายุยืนยาวที่สุด มีนโยบายที่ทำให้กับประชาชนมาตลอด และขอให้เชื่อมั่นคนที่เป็นแคดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็น ส.ส. มา 11 สมัย ทำงานให้ประชาชนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี 7 กระทรวง มีความรู้ มีประสบการณ์ในการทำงาน และยังมีความซื่อสัตย์สุจริต