ศึกฝีปาก "น.นิด" ปะทะ "น.หนู" เดิมพัน "นครพนม" สมรภูมิเดือด
“สงครามฝีปาก” ระหว่าง "2น." สะท้อนกลเกมเลือกตั้ง ต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะ "ศึกนครพนม" ที่รอบนี้ ถือเป็นเดิมพันสำคัญ ระหว่าง "เพื่อไทย" และ "ภูมิใจไทย"
สะเทือนเลื่อนลั่น! ริมฝั่งโขง หลังการปะทะฝีปากของ “2 น.” ทั้ง “น.นิด” เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยที่ขนทัพเพื่อไทยไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครพนม เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
เวทีดังกล่าว “เสี่ยนิด” ปราศรัยด้วยลีลาดุเดือด ปลุกชาวนครพนม “เลือกเพื่อไทยทั้ง 2ใบ อย่าแบ่งใจเลือกพรรคภูมิใจไทย เพราะไม่เช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมา และจะได้กัญชาเสรี”
คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง “น.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาสวนกลับอย่างดุเดือด ทวงถามถึงวุฒิภาวะของแคนดิเดตนายกฯ พรรคคู่แข่ง เปรียบเปรยเป็น “แคนดิเดตนายกฯอุปโลก”
“สงครามฝีปาก” ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่า สะท้อนถึงกลเกมสู้ศึกเลือกตั้ง ที่ต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะศึกนครพนม ที่รอบนี้ มีตั๋วผู้แทน 4 ที่นั่ง ถือเป็นอีกหนึ่งสนาม ที่ขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด “เพื่อไทย” มี ส.ส.นครพนม 3 คน เขต 2 มนพร เจริญศรี เขต 3 ไพจิต ศรีวรขาน และเขต 4 ชวลิต วิชยสุทธิ์
ขณะที่ฝั่ง “ภูมิใจไทย” มีเพียง “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์ศุ อดีตรองประธานสภา เพียงคนเดียวที่เป็นตัวแทน “หมู่บ้านสีน้ำเงิน” ปักธงที่เขต 1
เจาะลึก รายเขตสนามนครพนม เขต 1 “สหายแสง” เจ้าของพื้นที่เดิม รอบที่แล้วเอาชนะ “ยุทธจักร เรืองวรบูรณ์” จากเพื่อไทย ทิ้งห่างกว่า 2 หมื่นคะแนน
รอบนี้จึงพกความมั่นใจ ด้วยการดัน “พูนสุข โพธิ์สุ” ศรีภรรยาลงชิงในเขตดังกล่าวแทนตัวเอง ชนกับ “ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์” อดีตนักธุรกิจ ประธานกรรมการบริษัท โนบิชา จากเพื่อไทย
ส่วน“สหายแสง” รอบนี้ขยับไปลง เขต 2 โดยประกาศตั้งแต่ไก่โห่ ขอเปิดศึก “ค่ายคนแดนไกล” ชน “ดร.เดือน” มนพร แชมป์เก่า
โดยการเลือกตั้งรอบที่แล้ว “ดร.เดือน” เอาชนะหลานสาวบิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกณ “น้ำผึ้ง”ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ จากพลังประชารัฐ ทิ้งห่างกว่า 2 หมื่นคะแนน
เหตุที่ “สหายแสง” หาญกล้าที่ขยับมาลงเขต 2 ชน “ดร.เดือน” สายแข็งเพื่อไทย ส่วนหนึ่งมาจาก การปั้น “ศุภพานี โพธิ์สุ” เป็นนายก อบจ.นครพนม ได้สำเร็จ
เจ้าตัวจึงมั่นอกมั่นใจในฐานเสียง หวังปลุกกระแส “นครพนมนิยม” กำชัยไปฝาก “นายหนู-นายเน” เนวิน ชิดชอบ ซึ่งตามสูตร“ค่ายสีน้ำเงิน” ชัยชนะในแต่ละพื้น ที่มีผลไปถึงโควตาสำคัญทางการเมืองในอนาคตอีกด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ "ล้มช้าง" ที่อาจได้รางวัลเป็นตำแหน่งการเมืองเกรดเอ
อีกทั้ง ต้องไม่ลืมเช่นกัน ด้วยกระแสพรรคคู่แข่งในพื้นที่ภาคอีสาน บวกเกมเขย่ากัญชา หวังตัดแต้ม “สีน้ำเงิน” แบบรายวัน
สะท้อนจากเวทีปราศรัยพรรคเมื่อไทยช่วงค่ำ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา “จาตุรนต์ ฉายแสง”กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ปลุกคนนครพนม เลือก “ดร.เดือน”มนพร เข้าสภา ไปปราบยาเสพติด
ถัดมา เขต 3 “ไพจิต ศรีวรขาน” แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย ชนคู่ปรับเก่า นพ.อลงกต มณีกาศ ซึ่งรอบที่แล้วลงชิงในนามพลังประชารัฐ พ่าย “ไพจิต” สิงห์เฒ่าธาตุพนม ไปเพียงพันกว่าคะแนน
รอบนี้ “หมออลงกต” ย้ายมาสังกัดภูมิใจไทย ขอลงล้างตาอีกครั้ง
ไม่ต่างจากเขต 4 เพื่อไทย ส่ง “ณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์” อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม น้องชาย อรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม 7 สมัย และยังเป็นอดีตกรรมการบริการพรรคไทยรักไทย ได้รับไฟเขียวจากคนแดนไกล ลงชิงในเขตดังกล่าว ชนกับ "ชูกัน กุลวงษา จากค่ายภูมิใจไทย ซึ่งรอบที่แล้วได้คะแนนมาเป็นลำดับ 2 ด้วย 28,326 คะแนน
โดยทั้งสองยังต้องไปชนกับ “ชวลิต วิชยสุทธิ์ ” แชมป์เก่า ซึ่งรอบที่แล้ว ทำคะแนนทิ้งห่าง “ชูกัน” ไปกว่า 1 หมื่น รอบนี้ “ชวลิต”ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย ลงสนามเขต 4 อีกสมัย
สงครามปะทะฝีปากระหว่าง “2 น.” ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือน “สนามริมโขง” อย่างนครพนมเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงสนามอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งถือเป็นกล่องดวงใจของทั้ง 2 พรรค
ซ้ำยังเป็นการตอกย้ำเกมหักเหลี่ยม-เฉือนคม ระหว่าง 2 ค่าย ที่สาดใส่กันแบบไม่หยุดหย่อน
เรียกได้ว่า ท่ามกลางศึก ก็ซัดกันเต็มที่ หลังเสร็จศึกใครอยู่ฝั่งไหน จับมือกับใคร ค่อยมาว่ากันอีกที!