ยื่น กกต.สอบไลน์หลุดนักการเมืองดังครอบงำพรรคใหญ่ โทษหนักอาจถึงถูกยุบ
ถึงคิว “พี่ศรี” รุดยื่น กกต.อ้างหลักฐานจากเฟซบุ๊ก “สมชาย แสวงการ” ปมแชทไลน์ลับหลุด “อดีตนักการเมืองดัง” ท่อน้ำเลี้ยงสั่งการหาเสียงให้พรรคใหญ่ ส่อเข้าข่ายครอบงำพรรค โทษสูงสุดอาจถึงขั้นโดนยุบ
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ อาคาร B นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตรวจสอบ ไต่สวน สอบสวน กรณีมีภาพข้อความแชทไลน์หลุดของบุคคลที่มีชื่อเดียวกันกับอดีตนักการเมืองชื่อดัง กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นแกนนำเสื้อแดงซึ่งกำลังหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีการโอนเงินล้านให้ไปทำกิจกรรมดึงคนเสื้อแดงที่แปรพักตร์กลับมา ซึ่งเข้าข่ายความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมระบุข้อความว่า ไลน์หลุดครับนาย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยุบพรรค กกต.รู้หรือยัง หลักฐานไลน์หลุดชิ้นสำคัญนี้แค่ออเดิร์ฟการเมือง เห็นชัดถึงการสั่งการ ครอบงำพรคการเมือง และการจ่ายเงินซื้อเสียง ผ่านกลุ่มบุคคล เพื่อเอาชนะเลือกตั้งของนาย ซึ่งกำลังจะทำให้พรรคการเมืองหนึ่งถึงกับแลนด์ไถลเข้าสู่การอาจถูกยุบพรรคได้ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับมีภาพของหน้าเพจไลน์ที่ก๊อปออกมาเผยแพร่รวม 4 ภาพพร้อมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ข้อความในไลน์ดังกล่าวที่ปรากฏข้อความและภาพ อาทิ (1) กราบเท้านาย ที่เคารพรักยิ่ง คนในพรรค : ได้นัดคุย 6 จังหวัด มีข้อสรุปคือโครงการชวนเสื้อแดงกลับบ้าน ให้ชนะแลนด์สไลด์ เป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ให้นายกลับบ้านให้ได้ นาย:ใช้เงินเท่าไหร่ (2) 20 จังหวัด (24 กลุ่ม) จังหวัดละ 3 แสนบาทค่ะนาย แต่จะเป็นภารกิจจ่ายตามสภาพของแต่ละกลุ่ม นาย :ได้พิมพ์ตอบว่า 300,000 X 20 = 6,000,000 เยอะอยู่นะใครจะดูแล ส่งไปรวมทีเดียวหรือกระจาย และสุดท้ายได้พิมพ์ว่า “วันนี้ส่งให้ 1 ล้านก่อน” ฯลฯ
กรณีดังกล่าว หากเป็นข้อเท็จจริง อาจถือได้ว่าว่าเป็นพฤติการณ์ที่จงใจฝ่าฝืนมาตรา 73(1) มาตรา 75 ประกอบมาตรา 158 ของพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร2561 ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
รวมทั้งห้ามมิให้ผู้ใดเรียกหรือรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สมัครอื่นหรือ พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้ง และทําให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี รวมทั้งอาจนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้ด้วย
“ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรนั้นต้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบได้พิจารณาไต่สวน สอบสวน และเอาผิดตามกฎหมาย วันนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนชี้เบาะแสให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ