เรื่อง“นาฬิกาหรู”ของคนมีสี ขยายแผล ตัดแต้ม“บิ๊กป้อม”

“เรื่องนาฬิกานั้นเหรอ พี่ครามชอบนาฬิกามาก สะสมไว้มาก ชอบโชว์นาฬิกา แล้วยังคะยั้นคะยอให้พี่ป้อมบ่อยๆ ว่าเอาไปใส่ดูสิ และถ้าไม่ใส่ เบื่อแล้ว ก็มาเปลี่ยนเรือนใหม่ไปใส่”

"คนเขาชอบกันเป็นการส่วนตัว จะไปห้ามเขาได้อย่างไร แล้วอีกอย่างหนึ่ง พี่ป้อมเป็นคนรักษาของมาก พี่ครามจึงกล้าให้ยืมไปใส่ เพราะใส่แล้วคืนให้ในสภาพดี ลองเป็นคนอื่น พี่ครามอาจไม่กล้าให้ยืม เดี๋ยวทำของเขาพัง ของพวกนี้ต้องเป็นเรื่องของคนที่ชอบจริงๆ ในวงการนาฬิกาเขารู้กันดีว่าเขาแลกเปลี่ยนกันใส่ จนเป็นปกติ ไม่เห็นแปลกตรงไหน”

เนื้อหาตอนหนึ่งในหนังสือ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” จัดทำขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 76 ปี ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อ 11 ส.ค.2565 กรณี นาฬิกาหรู ของ “ปัฐวาท ศรีสุขวงศ์” เพื่อนนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่กลับมาเป็นประเด็นโจมตี “บิ๊กป้อม” ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง

โดยล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเสียงข้างมากให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ประเด็นแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ที่มีมติตีตกไปก่อนหน้านี้ ให้แก่ วีระ สมความคิด ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ใน 2 รายการ

1.รายงานและสำนวนการตรวจสอบ การไต่สวน และการไต่สวนเบื้องต้น รวมทั้งบรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้อง รายการ การแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด 2.เอกสารรายการที่ และรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ของดเว้นรายงานความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ เหตุมีผู้ทรงคุณวุฒิ-บุคคลภายนอก จำเป็นต้องรับรอง คุ้มครอง

แม้จะลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ถูกตั้งข้อสังเกต จงใจดึงเรื่องให้ผ่านพ้นการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ลงไปได้บ้าง แต่ก็นำมาซึ่งคำถามว่า หากไม่ถูกขู่ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอนตามมาตรา 236 และ 237 ของรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.จะเดินเรื่องได้เร็วหรือไม่

สำหรับประเด็นแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ของบิ๊กป้อม แม้จะถูก ป.ป.ช.ตีตกไปแล้วทั้ง 2 สำนวนในปี 2562 ทั้งการปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และการรับของเกินกว่า 3,000 บาท จนกลายเป็นข้อครหาคาใจสังคมมาจนถึงทุกวันนี้ กับกระบวนการตรวจสอบที่ดูเหมือนจะไปไม่สุด

 

 

ทั้งนี้ในส่วนของ “แหวนเพชร” มีหลักฐานชี้ชัดได้ว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดา ซึ่งผู้ครอบครองเป็นมารดา นางสายสนี วงษ์สุวรรณ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในปีที่ “บิ๊กป้อม” สวมมาถ่ายรูปหมู่ ครม.เดือน ธ.ค.2560 เพื่อความเป็นสิริมงคล ยกเว้นนาฬิกาหรู จำนวน 22 เรือน ที่เพื่อนให้ยืมใส่ ยังไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขายนาฬิกา หรือหลักฐานที่บ่งชี้เป็นของ “ปัฐวาท” ตามคำกล่าวอ้าง

ในวงการ “ทหาร-ตำรวจ” เปรียบนาฬิกาเป็นเครื่องแบบประจำกายที่ต้องมี ส่วนใหญ่นิยมยี่ห้อโรเล็กซ์ สปอร์ต รุ่นเดย์โทนา รุ่นซับมารีเนอร์ ซึ่งนิยมกันมาก รุ่นจีเอ็มที มาสเตอร์ ทู หรือนาฬิกาโอเมกา รุ่น ซีมาสเตอร์ ราคาเริ่มประมาณ 300,000 ขึ้นไป มีทั้งซื้อสะสมเพื่อเก็งกำไร เอาส่วนต่าง หรือซื้อมาสวมใส่เอง

 จึงทำให้เกิดการรวมตัวในกลุ่มทหาร-ตำรวจที่ชื่นชอบและเป็นนักเล่นนาฬิกาตัวยง ส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกนายพล ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี หากเบื่อเรือนเก่าก็นำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ในกลุ่ม โดยมีเงื่อนไขว่า นาฬิกาของใครมีราคาสูงกว่า ต้องจ่ายส่วนต่างเป็นเงินสดให้อีกฝ่าย

ส่วนอีกกรณี ประเภทเลือกเล่น Used (นาฬิกาที่ใช้แล้ว) ไม่นิยมเล่นมือหนึ่ง เนื่องจากมีราคาสูงเกินไป แต่จะเน้นสภาพดี สวย เนื่องจากนาฬิกาถือเป็นเครื่องประดับที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอด ไม่ต่างกับทองคำ ด้วยปัจจัยการผลิตที่มีจำนวนจำกัดในแต่ละรุ่น หรือบางรุ่นก็หยุดการผลิตไปแล้ว

อัปเลเวลขึ้นมา กลุ่มคนรวย หรือนักธุรกิจ จะเป็น ปาเต็ก ฟิลิปป์ หรือโอเดอมาร์ส ปิเกต์ ที่นิยมเรียกว่า AP ราคาตั้งแต่ 500,000 แสนบาทขึ้นไป หรือ ริชาร์ด มิลล์ นาฬิกาต้นเรื่องที่ “บิ๊กป้อม” สวมใส่มาถ่ายรูปหมู่ ครม. จนบานปลาย ให้โลกโซเชียลมีเดียตามขุดคุ้ย จนพบนาฬิกาหรูอื่นตามมาอีกเพียบ

เช่น ริชาร์ด มิลล์ รุ่น RM 30 ริชาร์ด มิลล์ รุ่น RM010 โรเล็กซ์ รุ่นคอสโมกราฟ เดย์โทนา โรเล็กซ์ โปรฮันเตอร์ ดีพซีกรีน ปาเต็ก ฟิลิปป์ รุ่น 5960/1A ปาเต็ก ฟิลิปป์ รุ่น 5960P หรือโอเดอมาร์ส ปิเกต์ AP รุ่น 3970

ด้วยสถานะของ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” ดูแลเพื่อนๆ และน้องๆ ในกองทัพ และตำรวจ มาเกือบค่อนชีวิต อีกทั้งยังกว้างขวางในแวดวงนักธุรกิจ นักการเมือง โดยมีองค์กรการกุศลมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก หรือมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นจุดเชื่อมต่อ

 อีกทั้ง “บิ๊กป้อม” ยังขึ้นชื่อว่าเครดิตดี ดูแลรักษาของ ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย อย่างที่ระบุไว้ในหนังสือ จึงเป็นที่มาของความไว้วางใจ เพื่อนให้ยืมนาฬิกาหรูสวมใส่ คงไม่จำเป็นต้องมาตั้งกลุ่มแลกเปลี่ยนนาฬิกา เหมือนทหารตำรวจรุ่นน้องเขาทำกัน

อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าการตรวจสอบหาที่มาที่ไป หรือหลักฐานผู้ครอบครองนาฬิกาหรูที่แท้จริงทั้ง 22 เรือน ที่ “บิ๊กป้อม” สวมใส่ในโอกาสต่างๆ ทำได้ยาก ถึงแม้ “วีระ สมความคิด” จะได้สำนวนข้อมูลการสอบสวนจาก ป.ป.ช.ไป 2 รายการ ก็คงไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากดิสเครดิตการเมือง ในเวลาที่เหลือเพียงแค่สัปดาห์เดียว ก่อนเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค.นี้