"ปิยบุตร" ขู่งัดมุกเก่าทำลาย "ก้าวไกล" เล่นพิเรนทร์แบบเดิมระวังเจอของจริง
"ปิยบุตร" เตือนนักร้องงัดมุกเก่าหวังทำลาย "ก้าวไกล" ขู่เล่นพิเรนทร์แบบเดิม ระวังจะเจอพลังมวลชนของจริง ปลุกสู้กลับด้วยความหวัง เลือกพรรคส้มให้ถล่มทลายทะลุ 10 ล้านเสียง "ช่อ" ตอกใช้วิธีสกปรกหวังสกัด "พิธา" มั่นใจความจริงจะเป็นเกราะปกป้อง
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 คาราวานก้าวไกล เข้าสู่วันที่ 5 ก่อนจะเสร็จสิ้นในวันที่ 11 พ.ค. 2566 โดยในช่วงเย็น คาราวานแต่ละสายได้จัดเวทีปราศรัยตามจุดต่างๆ มีประชาชนร่วมฟังอย่างคึกคัก หลายคนใช้ระบบ GPS Tracking ของพรรคก้าวไกลเพื่อติดตามพิกัดของคาราวานแต่ละสายด้วยความกระตือรือร้น
สำหรับคาราวานสายอีสานมิตรภาพ นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล จัดเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย สรพัช ศรีปราชญ์ (เขต 1 เบอร์ 5) ทรงวุฒิ สารจันทึก (เขต 2 เบอร์ 5) นันทิตา สงพราหมณ์ (เขต 3 เบอร์ 6) และ พิธาน ทรงกัมพล หรือ ‘แป๊ะ บางสนาน’ (เขต 4 เบอร์ 2) ที่บริเวณท่าน้ำดับเพลิง จ.สระบุรี
นายปิยบุตร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตอนนี้กระแสของพรรคก้าวไกลขึ้นสูงมาก คาราวานก้าวไกลทั้ง 5 สายตั้งแต่เหนือจดใต้ มีพี่น้องประชาชนทุกหัวระแหงให้การต้อนรับอย่างดี เมื่อกระแสขึ้นสูงแบบนี้ เราจึงต้องคิดใหญ่ฝันใหญ่ คือไม่คิดแค่เป็นพรรคขนาดกลางหรือพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องมี ส.ส. มากเป็นอันดับ 1 เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ดี เมื่อมีกระแสสูง บรรดานักร้องเรียนจึงพากันขยันทำงาน เป็นมุกเดิมที่ 4 ปีที่แล้วก็ทำ ตอนนี้ก็จะทำซ้ำอีก เปิดไพ่ประเภทตัดสิทธิ ยุบพรรค หรือให้เราพ้นจากตำแหน่ง ทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปีขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นใครมาแรง นี่คือนิติสงคราม ทำลายเราโดยใช้กฎหมาย ดังนั้น วิธีการต่อสู้ของเรา คือต้องยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อ สู้ต่อ ไม่กลัวไม่เกรงไม่ถอย เพราะถ้าหยุด ถ้าหงอ ถ้าหมอบ แสดงว่าอาวุธของพวกเขาใช้สำเร็จ แต่ถ้าพวกเขาทำแล้วเราไม่ตาย เรากลับมามีชีวิตใหม่ แถมไปไกลกว่าเดิม มีคนสนับสนุนมากกว่าเดิม แบบนี้เรียกกระสุนด้าน
“ไม่ต้องกังวล จะร้องอีกกี่คดี จะฉายหนังม้วนเก่าอีกกี่รอบ เราต้องสู้ด้วยพลังของประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล มีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ให้มันรู้ไป ว่าถ้าเล่นพิเรนทร์แบบเดิม คุณจะเห็นพลังอันไพศาลของมวลชนพรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจดใต้ เจอของจริงแน่นอน” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ตอนนี้พี่น้องมีความหวังกับเราสูงมาก เราต้องไม่ละทิ้งความหวังเพียงเพราะมีนักร้องไม่กี่คน เขาเอาความกลัวมาฆ่าความหวัง ถ้าเราหงอ พวกเขาจะได้ใจ นี่คือการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มคนที่จะอยู่กับอดีต กับอีกกลุ่มที่หวังอยากเห็นอนาคตใหม่ เรากำลังสู้กับเขาด้วยความหวัง หวังว่าประเทศนี้จะดีกว่านี้ได้ หวังว่าจะส่งมอบสังคมที่ดีให้ลูกหลาน หวังว่าจะไม่มีรัฐประหารอีกต่อไป หวังว่าจะสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่เกิดจนตาย
“อย่าไปท้อถอย อย่าตระหนกตกใจ ขอให้เอาความหวังชนะความกลัว เลือก ส.ส. ก้าวไกลเข้าไปให้มากที่สุด ให้คะแนนทั่วประเทศมากกว่า 10 ล้านเสียง สิ่งนี้จะเป็นเกราะคุ้มกันจากบรรดานักร้องและจากนิติสงคราม ตอนนี้เราอาจควบคุมกระบวนการทางกฎหมายไม่ได้ เพราะปากกาที่จะเขียนคำวินิจฉัยคำร้องต่างๆ อยู่ที่พวกเขา แต่เรามีปากกาอีกด้าม คือปากกาที่ทุกคนจะใช้ในวันเลือกตั้ง ประชาชนต้องกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย แล้วมาวัดกันว่าปากกาไหนจะมีฤทธิ์เดชมากกว่ากัน” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ถ้าพี่น้องประชาชนแบ่งให้พรรคก้าวไกลแค่บัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่อให้เลือกถล่มทลายก็ได้แค่ร้อยคน ไม่มากพอจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ดังนั้นต้องช่วยกันเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรคก้าวไกลทุกคนทุกเขต พวกเขาจะเป็นผู้แทนที่มีเจ้านายคนเดียวคือประชาชน ให้เราได้เข้าไปมีอำนาจรัฐเพื่อผ่าตัดใหญ่ประเทศไทย และอย่ากังวลกับยุทธศาสตร์อะไรทั้งสิ้น อยากเห็นประเทศเป็นแบบไหน อยากให้ใครบริหารประเทศ กาทันทีไม่ต้องกังวลใจ และถ้ารักพรรคก้าวไกล ก็เลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่มีคะแนนตกน้ำ มีแต่คะแนนเติมน้ำ 14 พฤษภาคมนี้ คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
ส่วนคาราวานสายมาเหนือ นำโดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ปราศรัยที่ลานอุทยานสวรรค์ อ.เมืองนครสวรรค์ โดยตอนหนึ่งกล่าวถึงกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ใน 3 วันสุดท้าย พวกผู้มีอำนาจที่กลัวกระแสพรรคก้าวไกล พยายามใช้มุกเดิมๆ มาหลอกประชาชน สร้างความกลัว กรณีหุ้นสื่อของนายพิธา ข้อเท็จจริง รอง ผอ.ไทยพีบีเอส ออกมายืนยันแล้วว่า สถานีไอทีวี หมดสถานะการเป็นสถานีโทรทัศน์ตั้งแต่ 7 มีนาคม 2550 ที่ยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะยังมีคดีความค้างคาในกระบวนการเท่านั้น
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า พวกนักร้องเองก็รู้ดีว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่กลับใช้วิธีสกปรก สกัดคนไม่ให้เลือกพรรคก้าวไกลเพราะกลัวพิธาโดนตัดสิทธิ์ ต่อจากนี้ไปใครถามเรื่องนี้ ขอให้ชาวก้าวไกลช่วยกันตอบไปดังๆ ชัดๆ ว่าไอทีวีปิดไปตั้งแต่มีนาคม 2550 จบข่าว อย่าเลือกด้วยความกลัว
“พรรคก้าวไกลใส่เสื้อที่พิมพ์คำว่า ตรงไปตรงมา ในการหาเสียง เพราะเราเชื่อว่าความจริงจะปกป้องเราจากความสกปรกและความเท็จทั้งมวล ความจริงอาจถูกทุบตีจนบางเฉียบ แต่ไม่มีวันแตกสลาย ยิ่งบางก็ยิ่งคม ความจริงจะลอยเหนือความเท็จ ความจริงและประชาชนจะปกป้องเรา และความสกปรกจะกลับไปสู่ผู้ใช้วิธีสกปรกเอง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ส่วนคาราวานสายตะวันออกบูรพาไม่แพ้ นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ปราศรัยหน้าศาลหลักเมืองกาญจนบุรี โดยช่วงหนึ่ง นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธาด้วยว่า ต้องชี้แจง 2 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง การครอบครองหุ้นของนายพิธา ไม่ใช่เป็นการอยู่ดีๆ ไปซื้อหุ้น แต่เนื่องจากคุณพ่อของนายพิธาเสียชีวิต นายพิธาจึงต้องเป็นผู้จัดการมรดก ดังนั้น หากกรณีแบบนี้กลายเป็นความผิด เท่ากับต่อไป ส.ส. ในสภาฯ เกิดคุณพ่อเสียชีวิตแล้วตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก ไม่โดนดีดออกจากสภาฯ กันหมดหรือ
ประเด็นที่สอง หุ้นที่ว่านั้นมีอยู่ 42,000 หุ้น จากทั้งหมด 12 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาของ ส.ส.รายหนึ่ง กรณีถือหุ้นสื่อ คำพิพากษาระบุว่า นักการเมืองรายดังกล่าวถือหุ้นเพียง 200 หุ้นจากทั้งหมดกว่า 2 ล้านหุ้น ศาลตัดสินว่าการถือหุ้นน้อยขนาดนี้ไม่สามารถแทรกแซง หรือสั่งการให้บริษัทสื่อทำสื่อเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองคนนั้นได้ จึงพิพากษาคืนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้แก่นักการเมืองรายดังกล่าว
"เช่นเดียวกัน 42,000 หุ้น เมื่อเทียบกับ 12 ล้านหุ้น ถือว่าน้อยมาก พิธาไม่สามารถสั่งการได้ อีกทั้งผู้บริหาร ThaiPBS ก็ยืนยันแล้วว่า ITV ไม่ได้ทำสื่อและยุติกิจการตั้งแต่ปี 2550 ถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2557 ดังนั้นขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลถึงเกมเตะสกัดเหล่านี้ นายพิธาและพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าหาเสียงด้วยความมั่นใจ เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปกับพร้อมกับพี่น้องประชาชน" นายวิโรจน์กล่าว